รับข้อเสนอสุดพิเศษ!

ภ.ง.ด.3 คืออะไร สำคัญอย่างไร รู้จักภาษีก่อนยื่น

ใกล้ถึงเวลาที่ใครหลายคนต้องเผชิญกับการยื่นภาษี แล้วพอพูดถึงภาษี หลายคนก็มักจะนึกถึงเอกสารมากมาย รวมถึง “ภ.ง.ด.” ที่มีทั้งแบบ 1, 2, 3 บอกเลยว่าชวนปวดหัวไม่น้อย

วันนี้เราจะพาไปเจาะลึกกับ “ภ.ง.ด.3” แบบเข้าใจง่าย ๆ ว่าคืออะไร สำคัญอย่างไร และใครบ้างที่ต้องยื่น มาทำความรู้จักกับภาษีให้ดี ก่อนยื่นภาษีแบบสบายใจ

ภ.ง.ด.3 คืออะไร?

ภ.ง.ด.3 คือ แบบที่ใช้สำหรับการยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ซึ่งผู้รับเงินเป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หรือพูดง่าย ๆ คือ แบบยื่นแจ้งการหักภาษี ณ ที่จ่าย ที่บริษัทเรา (นิติบุคคล) ได้หักจากเงินค่าจ้าง/ค่าบริหารที่จ่ายให้กับบุคคลธรรมดา สำหรับเงินได้พึงประเมินประเภท 40 (5) – 40 (8) โดยบริษัทจะต้องนำส่งภาษีที่หักเอาไว้ให้แก่กรมสรรพากรภายในวันที่ 7 ของเดือนถัดไป

ใครบ้างที่ต้องยื่น ภ.ง.ด.3

ผู้มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายตามแบบ ภ.ง.ด.3 คือ ผู้จ่ายเงินได้ให้แก่ผู้รับซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 

ตัวอย่างอาชีพที่ต้องยื่น ภ.ง.ด.3

คือคนที่จ่ายเงินให้กับคนอื่นๆ ที่มีรายได้ตามนี้ 

1. เงินได้จากการให้เช่า 

  • ค่าเช่าบ้าน ค่าเช่าคอนโด ค่าเช่าที่ดิน อะไรแบบนี้เลยค่ะ
  • เงินที่ได้จากการผิดสัญญาเช่าซื้อ เช่น ยึดรถ ยึดบ้าน เพราะคนเช่าไม่จ่ายเงิน
  • เงินที่ได้จากการผิดสัญญาซื้อขายแบบผ่อน เช่น ยึดของที่ขายไป เพราะคนซื้อไม่จ่ายเงิน

2. เงินได้จากวิชาชีพอิสระ 

  • เงินที่ได้จากการทำงานอิสระ เช่น ทนายความ หมอ วิศวกร สถาปนิก นักบัญชี ศิลปิน ฯลฯ

3. เงินได้จากการรับเหมา 

  • เงินที่ได้จากการรับเหมาก่อสร้าง ที่ต้องจ่ายค่าวัสดุเองด้วย ไม่ใช่แค่ค่าแรงอย่างเดียว

4. เงินได้จากธุรกิจอื่นๆ 

  • เงินที่ได้จากการทำธุรกิจต่างๆ เช่น ค้าขาย ผลิตสินค้า ขนส่ง ฯลฯ

 ภ.ง.ด.3 ต่างจากแบบอื่นๆอย่างไร (ภ.ง.ด.1, ภ.ง.ด.91 , ภ.ง.ด.53)

ภ.ง.ด.3 คือ แบบยื่นแจ้งการหักภาษี ณ ที่จ่าย ของนิติบุคคล ที่ทำธุรกรรมกับบุคคลธรรมดา ที่เจ้าของธุรกิจ (นิติบุคคล) มีหน้าที่หักออกจากค่าจ้างก่อนจ่ายเงิน

ภ.ง.ด.1 คือ แบบแสดงรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย กรณีจ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (1) และ 40 (2) เช่น เงินเดือน ค่าเบี้ยเลี้ยง โบนัส เป็นต้น โดยยื่นแบบเฉพาะพนักงานที่มีรายได้ถึงเกณฑ์ที่จะต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเท่านั้น

ภ.ง.ด.91 คือ แบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สําหรับคนที่มีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(1) ประเภทเดียว ที่ได้จากการจ้างงาน ต้องยื่นภายใน 31 มีนาคมของทุกปี

ภ.ง.ด.53 เป็นแบบยื่นรายการภาษีหัก ณ ที่จ่าย โดยผู้รับเงินซึ่งถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายเป็นนิติบุคคลที่มีหน้าที่ในการเสียภาษีเงินได้

ความสำคัญของการยื่นภาษี ภ.ง.ด.3

ภาษีหัก ณ ที่จ่าย คือ กลไกการจัดเก็บภาษีเงินได้ล่วงหน้า โดยกำหนดให้ผู้จ่ายเงินได้ (เช่น บริษัท ห้างร้าน) มีหน้าที่หักภาษีจากเงินได้ที่จ่ายให้แก่ผู้รับ (เช่น พนักงาน คู่ค้า) ในอัตราร้อยละที่กฎหมายกำหนดไว้ ณ เวลาที่จ่ายเงินได้นั้น ๆ

ตัวอย่างเช่น เมื่อบริษัทจ้างฟรีแลนซ์ บริษัทมีหน้าที่หักภาษีจากค่าจ้างที่จ่ายให้แก่ฟรีแลนซ์ในอัตราที่กำหนด และนำส่งเงินภาษีดังกล่าวให้แก่กรมสรรพากร

ทั้งนี้ เงินภาษีที่หักไว้ ไม่ใช่เงินของบริษัท แต่เป็นเงินภาษีของผู้รับที่บริษัทมีหน้าที่รวบรวมและนำส่งให้แก่กรมสรรพากรแทน

การหักภาษี ณ ที่จ่าย ช่วยให้รัฐบาลสามารถจัดเก็บภาษีได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ผลเสียของการไม่ยื่นภาษี หรือ ยื่นภาษีเกินกำหนด

1. ถ้าบริษัทหรือคนที่จ่ายเงินให้เรา ไม่ยอมหักภาษี ณ ที่จ่าย หรือหักไปแล้วแต่ไม่ครบ แบบนี้ทั้งบริษัทและตัวเราต้องรับผิดชอบร่วมกัน โดยต้องจ่ายภาษีที่ขาดไปให้ครบถ้วน แต่ถ้าบริษัทหักภาษีไว้แล้วแต่ยังไม่เอาไปจ่ายให้กรมสรรพากร อันนี้บริษัทต้องรับผิดชอบ

2. ถ้าบริษัทไม่ยอมเอาภาษีที่หักไว้ไปจ่ายให้กรมสรรพากรตามเวลาที่กำหนด แบบนี้บริษัทจะโดนปรับเงินเพิ่มด้วยนะ คิดเป็นเดือน เดือนละ 1.5% ของเงินภาษีที่ต้องจ่าย นับตั้งแต่วันที่ต้องยื่นภาษีไปจนถึงวันที่จ่ายจริง ยกเว้นว่าจะมีเหตุสุดวิสัยจริงๆ ถึงจะโดนแค่ค่าปรับไม่เกิน 2,000 บาท

3. ใครที่ตั้งใจไม่ยื่นภาษีเพื่อเลี่ยงภาษี อันนี้โดนหนักเลยค่ะ อาจจะโดนจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

วิธีคำนวณภาษีอย่างง่าย

อัตราภาษี หัก ณ ที่จ่าย ของประเภทเงินได้ที่จะต้องถูกหักที่พบบ่อย ๆ

ค่าเช่า อาคาร บ้าน โรงเรือน สิ่งปลูกสร้าง5%
เงินได้จากวิชาชีพอิสระตาม หรือ ฟรีแลนซ์ เฉพาะใน 6 วิชาชีพ 
ได้แก่ ผู้ประกอบโรคศิลปะ ทนายความ วิศวกร สถาปนิก นักบัญชี และประณีตศิลป์
3%
ค่าจ้างทำของ3%
ค่าแสดงให้แก่นักแสดงสาธารณะ5%
ค่าโฆษณา2%
ค่าขนส่ง1%
รางวัล ส่วนลด จากการส่งเสริมการขาย3%
รางวัล จากการแข่งขัน ชิงโชค5%

ขั้นตอนการยื่นภาษี ภ.ง.ด.3

ช่องทางการยื่นภาษี

คู่มือการยื่นภาษี แบบออนไลน์

วิธีเขียน ภ.ง.ด.3 

ใน ภงด3 คือจะมีอยู่ 2 ใบคือ ใบหน้า ภงด3 และใบแนบ ภงด3 ซึ่งดูตัวอย่างได้ดังนี้

ส่วนที่ 1 : กรอกรายละเอียดเลขประจำตัวผู้เสียภาษี ชื่อ ที่อยู่ เดือน ปี ที่ยื่นเสียภาษี และให้ติ๊กว่าเป็นการยื่นแบบปกติ หรือยื่นเพิ่มเติม

ส่วนที่ 2 : ให้ติ๊กว่านำส่งภาษีหัก ณ ที่จ่ายตามกฎหมายใด และให้สรุปจำนวนรายที่หัก และจำนวนแผ่นที่นำส่ง

ปล. มาตรา 3 เตรส (อ่านว่า สาม-เต-ระ-สะ) – ส่วนใหญ่แล้วการหัก ณ ที่จ่ายทั่วๆไปจะเป็นไปตามมาตรา 3 เตรส

ลองดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาตรานี้ได้ครับ : การหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 3 เตรส แห่งประมวลรัษฎากร

มาตรา 48 ทวิ – ให้องค์การของรัฐบาลเสียภาษีเงินได้แทนผู้ขายสินค้าทอดหนึ่งทอดใดหรือทุกทอดที่ซื้อสินค้าขององค์การของรัฐบาล ตามวิธีการ อัตรา และประเภทสินค้าตามที่กำหนดโดยกฎกระทรวง ทั้งนี้เฉพาะสำหรับเงินได้จากการขายสินค้านั้น

ดูรายละเอียเพิ่มเติมที่ : มาตรา 38-64

มาตรา 50 (3) (4) (5) – ให้บุคคล ห้างหุ้นส่วน บริษัท สมาคม หรือคณะบุคคลผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 หักภาษีเงินได้ไว้ทุกคราวที่จ่ายเงินได้พึงประเมินตามวิธีดังต่อไปนี้

(3) ในกรณีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(5) และ (6) ที่จ่ายให้แก่ผู้รับซึ่งมิได้เป็นผู้อยู่ในประเทศไทย ให้คำนวณหักในอัตราร้อยละ 15.0 ของเงินได้

(4) นอกจากกรณีตาม (5) ในกรณีผู้จ่ายเงินตามมาตรานี้เป็นรัฐบาล องค์การของรัฐบาล เทศบาล สุขาภิบาล หรือองค์การบริหารราชการส่วนท้องถิ่นอื่น ซึ่งจ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(5)(6) (7) หรือ (8) แต่ไม่รวมถึงการจ่ายค่าซื้อพืชผลทางการเกษตรให้กับผู้รับรายหนึ่ง ๆ มีจำนวนรวมทั้งสิ้นตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป แม้การจ่ายนั้นจะได้แบ่งจ่ายครั้งหนึ่งๆ ไม่ถึง 10,000 บาทก็ดี ให้คำนวณหักในอัตราร้อยละ 1 ของยอดเงินได้พึงประเมิน แต่เฉพาะเงินได้ในการประกวดหรือแข่งขัน ให้คำนวณหักตามอัตราภาษีเงินได้

(5) ในกรณีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(8) เฉพาะที่จ่ายให้แก่ผู้รับซึ่งขายอสังหาริมทรัพย์ ให้คำนวณหักดังต่อไปนี้

(ก) สำหรับอสังหาริมทรัพย์อันเป็นมรดกหรืออสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับจากการให้โดยเสน่หา ให้คำนวณภาษีตามเกณฑ์ในมาตรา 48(4) (ก) เป็นเงินภาษีทั้งสิ้นเท่าใด ให้หักเป็นเงินภาษีไว้เท่านั้น
(ข) สำหรับอสังหาริมทรัพย์ที่ได้มาโดยทางอื่นนอกจาก (ก) ให้หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา แล้วคำนวณภาษีตามเกณฑ์ในมาตรา 48(4) (ข) เป็นเงินภาษีทั้งสิ้นเท่าใด ให้หักเป็นเงินภาษีไว้เท่านั้น

ดูรายละเอียเพิ่มเติมที่ : มาตรา 38-64

ส่วนที่ 3 : ให้กรอกยอดสรุปภาษี ตามรายละเอียดดังนี้

  1. ยอดเงินได้ทั้งสิ้น (จำนวนเงินที่จ่ายทั้งสิ้น)
  2. ยอดภาษีที่นำส่งทั้งสิ้น
  3. เงินเพิ่ม (ถ้ามี)
  4. ยอดภาษีที่นำส่งทั้งสิ้นและเงินเพิ่ม

ส่วนที่ 4 : ลายเซ็นผู้ที่นำส่งภาษีหัก ณ ที่จ่าย

ใบแนบ ภงด3 คือ

ใบนี้จะให้กรอกรายละเอียดการหัก ณ ที่จ่ายเป็นรายบุคคลโดยจะต้องกรอกข้อมูลดังนี้

  1. เลขประจำตัวผู้เสียภาษีของผู้ที่ถูกหัก ณ ที่จ่าย
  2. ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ ของผู้ที่ถูกหัก ณ ที่จ่าย
  3. วันเดือนปี ที่จ่าย
  4. ประเภทเงินได้พึงประเมินที่จ่าย
  5. อัตราภาษีร้อยละ
  6. จำนวนเงินที่จ่ายรวม
  7. จำนวนเงินที่หักรวม
  8. ลายเซ็นผู้ที่นำส่งภาษีหัก ณ ที่จ่าย

การเอาข้อมูลจากหนังสือรับรองหัก ณ ที่จ่าย ที่หักจากบุคคลธรรมดา มาใส่ใน ใบแนบ ภ.ง.ด.3 โดยใส่ชื่อ-นามสกุล เลขประจำตัวบัตรประชาชน ที่อยู่ วันเดือนปีที่ออกหนังสือฉบับนี้ ประเภทของเงินได้ (เช่น ค่าจ้าง ค่าบริการ ค่าเช่า) อัตราภาษีที่หัก จำนวนเงินที่จ่าย และภาษีที่เก็บจากเขามา

// ตัวอย่างการลงข้อมูลในใบแนบ ภ.ง.ด.3 //นำข้อมูลจากหนังสือรับรองหัก ณ ที่จ่าย ที่หักจากบุคคลธรรมดา มาใส่ใน ใบแนบภ.ง.ด.3 โดยใส่ชื่อ-นามสกุล เลขประจำตัวบัตรประชาชน ที่อยู่ วันเดือนปีที่ออกหนังสือฉบับนี้ ประเภทของเงินได้ (เช่น ค่าจ้าง ค่าบริการ ค่าเช่า) อัตราภาษีที่หัก จำนวนเงินที่จ่าย และภาษีที่เก็บจากเขามา

ตัวอย่างการลงข้อมูลในใบแนบ ภ.ง.ด.3

ตัวอย่างการลงข้อมูลในใบแนบภ.ง.ด.3

ส่วน ใบภ.ง.ด.3 ให้ใส่ข้อมูลของกิจการของเรา เดือนที่จ่าย (เช่น ส่งของรอบเดือนมกราคมก็ใส่เครื่องหมายลงช่องมกราคม) ใส่รายละเอียดว่ามีใบแนบมากี่ใบ ยอดรวมของเงินได้ และยอดรวมของภาษีเวลานำส่งกรมสรรพากร หากนำส่งเฉพาะภาษี หัก ณ ที่จ่าย ของบุคคลธรรมดา จะมีเอกสาร ภ.ง.ด.3 (ใบปะหน้า) พร้อมใบแนบ ภ.ง.ด.3 (สำหรับลงรายละเอียด) ถ้าหากนำส่งเฉพาะภาษีหัก ณ ที่จ่ายของนิติบุคคล โดยบริษัทจะต้องนำส่งภาษีที่หักเอาไว้ให้แก่กรมสรรพากรภายในวันที่ 7 ของเดือนถัดไป

ข้อมูลจาก : กรมสรรพากร

ภ.ง.ด.2 คืออะไร มีไว้ทำอะไร? มาไขข้อข้องใจเรื่องภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

ภ.ง.ด.2 คืออะไร มีไว้ทำอะไร?

ภาษี… คำพูดสั้นๆ ที่ชวนให้หลายคนกุมขมับ เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ซับซ้อน และสำคัญที่ต้องทำให้ถูกต้อง 

คำถามคือ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าต้องทำอย่างไรบ้าง? หนึ่งในกุญแจสำคัญที่ช่วยไขข้อข้องใจเรื่องภาษี นั่นก็คือ “แบบแสดงรายการภาษี” หรือที่เรารู้จักกันในชื่อย่อๆ ว่า “ภ.ง.ด.” นั่นเอง และหนึ่งในแบบ ภ.ง.ด. ที่สำคัญมากๆ ก็คือ ภ.ง.ด.2

แล้ว ภ.ง.ด.2 คืออะไร? มีไว้ทำอะไร? ผู้ใดมีหน้าที่หัก ณ ที่จ่าย? และมีวิธีวิธีคำนวณหักภาษีเงินได้ณ ที่จ่ายอย่างไร? ชอบการบัญชีขอนำบทความนี้จะพาคุณไปไขข้อข้องใจเกี่ยวกับ ภ.ง.ด.2 อย่างละเอียด เข้าใจง่าย พร้อมทั้งแนะนำวิธีการเตรียมตัวก่อนยื่นภาษี มาฝากกันค่ะ

ภ.ง.ด.2 คืออะไร? ผู้มีหน้าที่หัก ณ ที่จ่ายคือใคร?

ภ.ง.ด.2 คือ แบบแสดงรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ที่นิติบุคคล (บริษัท ห้างหุ้นส่วน สมาคม มูลนิธิ ฯลฯ) ต้องยื่นต่อกรมสรรพากร กรณีมีการจ่ายเงินได้ประเภท 40(3) และ 40(4) ให้แก่บุคคลอื่นและชำระภาษีภายในวันที่ 7 ของเดือนถัดไป

ตัวอย่างการคำนวณ ภ.ง.ด.2

หากบริษัทมีการจ่ายเงินปันผลให้แก่นาย A ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทจำนวน 100,000 บาท บริษัทก็จะต้องหัก ณ ที่จ่าย 10% ตามกฎหมายสำหรับเงินปันผลจ่าย ดังนั้น ทางบริษัทจึงต้องจ่ายเงินให้นาย A เพียง 90,000 บาท ส่วนที่เหลือ 10% จำนวน 10,000 บาทนั้นจะถูกหักไว้ และนำส่งกรมสรรพากรภายในวันที่ 7 ของเดือนถัดไป

เงินได้ประเภท 40(3) และ 40(4) คืออะไร?

เงินได้ประเภท 40(3) หมายถึง เงินได้พึงประเมินที่ได้มาในรูปแบบของ

  • ค่าลิขสิทธิ์: ค่าตอบแทนที่ได้รับจากการอนุญาตให้ใช้สิทธิ์ในงานอันมีลิขสิทธิ์ เช่น เพลง หนังสือ ภาพยนตร์
  • ค่าตอบแทนทรัพย์สินทางปัญญา: ค่าตอบแทนที่ได้รับจากการถ่ายทอดกรรมสิทธิ์หรือสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญา เช่น สิ่งประดิษฐ์ เครื่องหมายการค้า
  • ค่า Goodwill: ค่าตอบแทนที่ได้รับจากการซื้อกิจการ โดยมูลค่าเกินกว่ามูลค่าสินทรัพย์สุทธิที่แสดงในงบดุล

เงินได้ประเภท 40(4) หมายถึง เงินได้พึงประเมินที่ได้มาในรูปแบบของ

  • ดอกเบี้ยเงินฝาก: ดอกเบี้ยที่ได้รับจากเงินฝากธนาคาร สหกรณ์ หรือสถาบันการเงินอื่นๆ
  • ดอกเบี้ยพันธบัตร: ดอกเบี้ยที่ได้รับจากการลงทุนในพันธบัตร
  • ดอกเบี้ยตั๋วเงิน: ดอกเบี้ยที่ได้รับจากการถือครองตั๋วเงิน
  • เงินปันผล: เงินที่บริษัทจ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้นจากผลกำไร
  • เงินส่วนแบ่งกำไร: เงินที่ห้างหุ้นส่วนจ่ายให้แก่หุ้นส่วนจากผลกำไร

วิธีคำนวณหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย

ให้คำนวณหักภาษี ณ ที่จ่ายจากเงินได้ทุกคราวที่จ่าย (โดยไม่ให้หักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน) ตามอัตราภาษีเงินได้เว้นแต่

  1. เงินได้ดังต่อไปนี้ ให้คำนวณหักในอัตราร้อยละ 15.0 ของเงินได้

(1) การจ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา40(3) (4) ดังกล่าวที่จ่ายให้แก่ผู้รับซึ่งมิได้เป็นผู้อยู่ในประเทศไทย

(2) ดอกเบี้ยพันธบัตร

(3) ดอกเบี้ยเงินฝากประเภทออมทรัพย์สำหรับเงินฝากธนาคารในราชอาณาจักรซึ่งผู้มีเงินได้ได้รับรวมกันทั้งสิ้น เกิน 20,000 บาท ตลอดปีภาษีนั้น (ต้องหัก ณ ที่จ่ายจากดอกเบี้ยรับทั้งสิ้น) ดอกเบี้ยเงินฝากประเภทประจำสำหรับเงินฝากธนาคารในราชอาณาจักรและสหกรณ์

(4) ดอกเบี้ยหุ้นกู้ ดอกเบี้ยตั๋วเงิน0ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมที่ได้จากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น ดอกเบี้ยที่ได้จากสถาบันการเงินที่มีกฎหมายโดยเฉพาะของประเทศไทยจัดตั้งขึ้นสำหรับให้กู้ยืมเงินเพื่อส่งเสริมเกษตรกรรม พาณิชยกรรม หรืออุตสาหกรรม เช่น บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เป็นต้น

(5) ผลประโยชน์ที่ได้จากการโอนการเป็นหุ้นส่วน หรือโอนหุ้น หุ้นกู้ พันธบัตร หรือตั๋วเงิน หรือตราสารแสดงสิทธิในหนี้ที่บริษัท หรือ ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หรือนิติบุคคลอื่นเป็นผู้ออก ทั้งนี้ เฉพาะที่ตีราคาเป็นเงินได้เกินกว่าที่ลงทุน

(6) ผลต่างระหว่างราคาไถ่ถอนกับราคาจำหน่ายตั๋วเงินหรือตราสารแสดงสิทธิในหนี้ที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หรือนิติบุคคลอื่นเป็นผู้ออก โดยให้ถือว่าผู้ออกตั๋วเงิน ผู้ออกตราสารแสดงสิทธิในหนี้หรือนิติบุคคลผู้โอนตั๋วเงินหรือตราสารดังกล่าว เป็นผู้จ่ายเงินได้พึงประเมิน กรณีผู้จ่ายเงินได้มิใช่เป็นนิติบุคคล และจ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (4) (ก) ที่มิใช่เงินได้ตามที่ระบุใน (2) ถึง (6) ดังกล่าว ข้างต้น ให้กับผู้รับซึ่งเป็นผู้อยู่ในประเทศไทย (อยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่งหรือหลายระยะเวลารวมกันถึง 180 วันในปีภาษี) ไม่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย

  1. เงินได้ที่เป็นเงินปันผล เงินส่วนแบ่งกำไร หรือประโยชน์อื่นใดฯ ตามมาตรา 40(4) (ข) ให้คำนวณหักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 10.0 ของเงินได้

ช่องทางการยื่นแบบ ภ.ง.ด.2 มีอะไรบ้าง?

ผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลสามารถยื่นแบบ ภ.ง.ด.2 แสดงรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายได้สะดวก รวดเร็ว ตรงต่อเวลา ผ่านช่องทางดังต่อไปนี้

1. ยื่นแบบ ภ.ง.ด.2 ผ่านอินเทอร์เน็ต

  • สะดวก รวดเร็ว ยื่นได้ทุกที่ทุกเวลา ผ่านระบบ e-Filing ของกรมสรรพากร https://efiling.rd.go.th/
  • รองรับทั้งแบบบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล
  • กรณีเป็นนิติบุคคล ต้องสมัครใช้บริการ e-Filing for Business เพิ่มเติม
  • รองรับการชำระภาษีผ่านระบบ PromptPay

2. ยื่นแบบ ภ.ง.ด.2 ได้ที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่ทุกแห่งทั่วประเทศ

วิธีการกรอกเอกสาร ภ.ง.ด.2

ตามที่ได้กล่าวข้างต้น ภ.ง.ด. 2 เป็นแบบนำส่งภาษีหัก ณ ที่จ่าย สำหรับเงินได้ประเภท 40(3) และ 40(4) ซึ่งมีวิธีการในการกรอกแบบดังต่อไปนี้

แบบ ภ.ง.ด. 2 หน้าที่ 1

ส่วนที่ 1 : ให้กรอกเลขผู้เสียภาษี รายละเอียดชื่อ ที่อยู่ของบริษัท เดือน ปีภาษีที่ยื่นแบบ และให้คลิกว่าเป็นการยื่นแบบปกติ หรือยื่นแบบเพิ่มเติม

ส่วนที่ 2 : ให้คลิกใบแนบของ ภงด 2 ที่ยื่นนั้นมีจำนวนกี่แผ่น

ส่วนที่ 3 : ให้เขียนรายละเอียด จำนวนราย จำนวนเงินได้ที่จ่ายทั้งสิ้น และจำนวนเงินภาษีที่นำส่งทั้งสิ้น

ส่วนที่ 4 : ให้เซ็นโดยผู้นำรับผิดชอบนำส่งหัก ณ ที่จ่าย

แบบ ภ.ง.ด. 2 หน้าที่ 2

ส่วนที่ 1 : ให้กรอกรายละเอียดเลขประจำตัวผู้เสียภาษี และให้ติ๊กว่าเงินได้ที่จ่ายเป็นเงินได้ประเภทใด ดังนี้

  • เงินได้ตามมาตรา 40(3) ค่าแห่งลิขสิทธิ์ ค่าแห่งกู๊ดวิลล์ และอื่นๆ
  • เงินได้ตามมาตรา 40(4)ก ดอกเบี้ยเงินฝาก ดอกเบี้ยพันธบัตร ดอกเบี้ยตั๋วเงิน และอื่นๆ
  • เงินได้ตามมาตรา 40(4)ข เงินปันผล และอื่นๆ
  • เงินได้ตามมาตรา 40(4)ช เงินผลประโยชน์ที่ได้จากการโอนหุ้น และอื่นๆ

ส่วนที่ 2 : ให้กรอกรายละเอียดผู้ที่ถูกหัก ณ ที่จ่าย โดยให้กรอกเลขผู้เสียภาษี ชื่อ-นามสกุล ผู้ถูกหัก ณ ที่จ่าย วันเดือนปีที่จ่าย จำนวนเงินที่จ่าย จำนวนเงินหักภาษี ณ ที่จ่าย

ส่วนที่ 3 : ให้เซ็นโดยผู้นำรับผิดชอบนำส่งหัก ณ ที่จ่าย

สามารถดาวน์โหลดแบบ ภ.ง.ด. 2 ได้ที่ : กรมสรรพากร

กรณีไม่ยื่น ภ.ง.ด.2 ตามกำหนด จะมีโทษปรับอะไรบ้าง?

1.ถ้าผู้จ่ายเงินซึ่งมีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่ายมิได้หักและนำเงินส่งหรือได้หักและนำเงินส่งแล้วแต่ไม่ครบจำนวนที่ถูกต้อง ผู้จ่ายเงินต้องรับผิดร่วมกับผู้มีเงินได้ในการเสียภาษีที่ต้องชำระตามจำนวนเงินภาษีที่มิได้หักและนำส่งหรือตามจำนวนที่ขาดไป แล้วแต่กรณี

ในกรณีที่ผู้จ่ายเงินได้หักภาษีไว้แล้ว ให้ผู้มีเงินได้ซึ่งต้องเสียภาษีพ้นความรับผิดที่ต้องชำระเงินภาษีเท่าจำนวนที่ผู้จ่ายเงินได้หักไว้และให้ผู้จ่ายเงินรับผิดชำระเงินภาษีจำนวนนั้นแต่ฝ่ายเดียว (มาตรา 54 แห่งประมวลรัษฎากร)

2.ถ้าผู้จ่ายเงินซึ่งมีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย ไม่นำเงินภาษีที่ตนมีหน้าที่หักนำส่งภายในกำหนดเวลา จะต้องรับผิดเสียเงินเพิ่มอีกร้อยละ 1.5 ต่อเดือน หรือเศษของเดือนของเงินภาษีที่ต้องนำส่ง ทั้งนี้ ให้คำนวณเงินเพิ่มเป็นรายเดือน (เศษของเดือนให้นับเป็น 1 เดือน) นับแต่วันพ้นกำหนดเวลายื่นแบบฯ จนถึงวันยื่นแบบฯ และนำส่งภาษี (มาตรา 27 แห่งประมวลรัษฎากร) ถ้าผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่ายไม่ยื่นแบบฯ ภายในกำหนดเวลา เว้นแต่จะแสดงว่าได้มีเหตุสุดวิสัย ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท (มาตรา 35 แห่งประมวลรัษฎากร)

3.ผู้ใดโดยเจตนาไม่ยื่นรายการที่ต้องยื่น เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากรต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือ ปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ (มาตรา 37 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร) 

สรุปแล้ว ภ.ง.ด.2 เป็นแบบแสดงรายการที่ช่วยให้กรมสรรพากรสามารถจัดเก็บภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ “นิติบุคคล” สามารถปฏิบัติตามกฎหมายภาษีได้อย่างถูกต้อง

ถึงแม้ภาษีจะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน แต่ ภ.ง.ด.2 ก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินกว่าจะทำความเข้าใจ ขอเพียงศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วน เตรียมเอกสารให้พร้อม และยื่นแบบแสดงรายการภาษีให้ตรงตามเวลาที่กำหนด ก็สามารถปฏิบัติได้ถูกต้อง หลีกเลี่ยงปัญหาภาษีในอนาคต ที่สำคัญคือ การทำความเข้าใจเรื่องภาษี ช่วยให้ธุรกิจดำเนินไปอย่างราบรื่นอย่างแน่นอน

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถศึกษาได้ที่เว็บไซต์กรมสรรพากร หรือติดต่อสอบถามเจ้าหน้าที่โดยตรง

อ้างอิง : กรมสรรพากร

ภ.ง.ด.1 คืออะไร? ทำความรู้จักกับภาษีเงินได้แบบเข้าใจง่าย

ภ.ง.ด.1

ในชีวิตประจำวัน เราต่างต้องพบเจอกับ “ภาษี” ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ที่รวมอยู่ในราคาสินค้า และภาษีสรรพสามิตที่บวกเพิ่มในสินค้าบางประเภท หรือแม้แต่ภาษีเงินได้ที่ถูกหักไว้จากเงินเดือน 

แล้วภาษีคืออะไรล่ะ? พูดง่ายๆก็คือ ภาษี คือ เงินที่ประชาชนจ่ายให้กับรัฐ เพื่อนำไปใช้พัฒนาประเทศ ทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐาน สาธารณูปโภค การศึกษา สาธารณสุข และอื่นๆ อีกมากมาย

ทีนี้ พอพูดถึง “ภาษีเงินได้” หลายคนอาจจะนึกถึงเอกสารมากมาย ที่ดูซับซ้อน เข้าใจยาก หนึ่งในนั้นก็คือ “แบบแสดงรายการภาษี” หรือที่เราเรียกกันสั้นๆ ว่า “แบบ ภ.ง.ด.” ซึ่งจริงๆ แล้ว แบบ ภ.ง.ด. มีอยู่หลายแบบ แยกตามลักษณะของรายได้และผู้ยื่นภาษี

หนึ่งในแบบแสดงรายการภาษีที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี คือ ภ.ง.ด.1 ซึ่งเป็นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ใช้สำหรับยื่นภาษีของ มนุษย์เงินเดือน หรือ พนักงานประจำในบริษัท ที่มีรายได้ประเภทเงินเดือน ค่าจ้าง 

ดังนั้น ในบทความนี้ เราจะพาไปทำความรู้จักกับ ภ.ง.ด.1 อย่างละเอียดแบบง่าย ๆ 

ภ.ง.ด.1 คืออะไร? ใช้ยื่นภาษีสำหรับใครบ้าง?

ภ.ง.ด. 1 หรือ “แบบแสดงรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย” เป็นเอกสารที่บริษัทหรือหน่วยงานจะต้องกรอกเพื่อรายงานการหักภาษีจากรายได้ของพนักงานหรือผู้มีรายได้ตามมาตรา 40 ซึ่งครอบคลุมทั้งเงินเดือน ค่าตอบแทนต่างๆ จากการทำงานประจำ เช่น โบนัส ค่าล่วงเวลา เบี้ยเลี้ยง 

(ตามประเภทเงินได้ 40(1)) รวมไปถึงรายได้ของผู้ที่ไม่ได้เป็นพนักงานประจำ เช่น ค่าจ้างทั่วไป ค่าคอมมิชชั่น ค่าเบี้ยประชุม 

(ตามประเภทเงินได้ 40(2)) โดยแสดงรายละเอียดภาษีที่ถูกหักไว้แล้ว ณ ที่จ่าย ให้แก่กรมสรรพากร

สรุปก็คือ แบบแสดงนี้ เป็นแบบยื่นแสดงรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย สำหรับกรณีผู้จ่ายเงินได้ที่เป็นบุคคลธรรมดา ห้างหุ้นส่วน บริษัท สมาคมหรือคณะบุคคล ที่จ่ายเงินได้ประเภทเงินเดือน ค่าจ้าง ค่านายหน้า เป็นต้น ให้แก่ผู้เสียภาษีเงินได้ที่เป็นบุคคลธรรมดา โดยผู้จ่ายเงินได้ซึ่งเป็นผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย ต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด.1 ภายใน 7 วันนับแต่วันสิ้นเดือนของเดือนที่จ่ายเงิน

ภ.ง.ด.1 มีไว้ทำอะไร? ยื่นเมื่อไหร่?

หลายคนอาจสงสัยว่า การยื่น ภ.ง.ด.1 นั้น มีไว้เพื่ออะไรกันแน่? จริงๆ แล้ว ภ.ง.ด.1 เป็นเสมือนการรายงานตัว และเคลียร์ภาษีกับกรมสรรพากรประจำปี เปรียบเหมือนการเช็คสุขภาพการเงินประจำปีของเรานั่นเอง

วัตถุประสงค์หลักของการยื่นแบบ ภ.ง.ด.1 ก็คือ เพื่อคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี โดยเราจะต้องนำรายได้ทั้งหมดที่ได้รับตลอดทั้งปีภาษี รวมถึงข้อมูลการหักลดหย่อนต่างๆ มาคำนวณ เพื่อดูว่าสุดท้ายแล้ว เราต้องจ่ายภาษีเพิ่ม หรือขอคืนภาษี

กำหนดการยื่นแบบ ภ.ง.ด.1 คือ ภายในวันที่ 31 มีนาคม ของทุกปี (ยกเว้นกรณียื่นแบบผ่านอินเทอร์เน็ต จะสามารถยื่นได้ถึงวันที่ 8 เมษายน) หากยื่นแบบหลังจากวันดังกล่าว จะถือว่ายื่นล่าช้า และอาจต้องเสียค่าปรับได้

ช่องทางการยื่นแบบ ภ.ง.ด. 1 มี 2 ช่องทางหลักๆ คือ

  1. ยื่นผ่านอินเทอร์เน็ต เป็นวิธีที่สะดวก รวดเร็ว และลดข้อผิดพลาด โดยสามารถยื่นได้ผ่านเว็บไซต์กรมสรรพากร (www.rd.go.th)
  2. ยื่นด้วยตนเอง สามารถยื่นได้ที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาที่ท่านสะดวก หรือ สาขาที่ท่านมีเงินได้ โดยสามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์ม ภ.ง.ด. 1 ได้จากเว็บไซต์กรมสรรพากรเช่นกัน

เตรียมตัวยื่น ภ.ง.ด.1 ต้องมีเอกสารอะไรบ้าง?

ก่อนที่เราจะเริ่มกรอกแบบฟอร์ม ภ.ง.ด. 1 สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ “เอกสารประกอบการยื่นภาษี” ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญที่ใช้ยืนยันรายได้ และการหักลดหย่อนต่างๆ โดยเอกสารหลักๆ ที่เราต้องเตรียม มีดังนี้

1. เอกสารยืนยันตัวตน (บัตรประจำตัวประชาชน, สำเนาทะเบียนบ้าน(ถ้ามี))

2. เอกสารแสดงรายได้

  • หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (แบบ 50 ทวิ) ออกให้โดยบริษัทหรือนายจ้าง โดยจะระบุรายละเอียดเงินเดือน ค่าจ้าง โบนัส และภาษีที่ถูกหักไว้แล้วตลอดทั้งปีภาษี
  • เอกสารแสดงรายได้อื่นๆ (ถ้ามี) เช่น
    • หนังสือรับรองดอกเบี้ยเงินฝาก (แบบ 50 ทวิ)
    • หนังสือรับรองการจ่ายเงินปันผล (แบบ 50 ทวิ)
    • เอกสารแสดงรายได้จากการขายทรัพย์สิน เป็นต้น

3. เอกสารประกอบการลดหย่อนภาษี

เอกสารส่วนนี้ จะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าเรามีสิทธิลดหย่อนอะไรบ้าง โดยสามารถแบ่งเป็นหมวดหมู่หลักๆ ได้ดังนี้

  • ลดหย่อนส่วนตัวและครอบครัว
    • สูติบัตรบุตร (กรณีใช้สิทธิลดหย่อนบุตร)
    • ทะเบียนสมรส (กรณีใช้สิทธิลดหย่อนคู่สมรส)
    • ใบรับรองแพทย์ (กรณีใช้สิทธิลดหย่อนบิดา มารดา ที่มีรายได้ไม่เกินเกณฑ์)
  • ลดหย่อนจากการประกัน
    • กรมธรรม์ประกันชีวิต
    • กรมธรรม์ประกันสุขภาพ
    • ใบรับรองเบี้ยประกัน
  • ลดหย่อนจากกองทุนต่างๆ
    • หนังสือรับรองการลงทุนในกองทุน RMF
    • หนังสือรับรองการลงทุนในกองทุน SSF
    • ใบแจ้งยอดเงินสะสมกองกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD)
  • ลดหย่อนอื่นๆ เช่น
    • ใบเสร็จรับเงินบริจาค
    • หนังสือแสดงสิทธิในทรัพย์สิน (กรณีซื้อบ้านหรือคอนโด)

หากยื่นแบบ ภ.ง.ด.1 เกินกำหนดเวลา จะโดนโทษอะไรบ้าง?

ถ้าผู้จ่ายเงินซึ่งมีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย มิได้หักและนำส่ง หรือได้หักและนำเงินส่งแล้วแต่ไม่ครบจำนวนที่ถูกต้อง ผู้จ่ายเงินต้องรับผิดร่วมกับผู้มีเงินได้ในการเสียภาษีที่ต้องชำระตามจำนวนเงินภาษีที่มิได้หักและนำส่ง หรือตามจำนวนที่ขาดไป แล้วแต่กรณีในกรณีที่ผู้จ่ายเงินได้หักภาษีไว้แล้ว ให้ผู้มีเงินได้ซึ่งต้องเสียภาษีพ้นความรับผิดที่ต้องชำระเงินภาษีเท่าจำนวนที่ผู้จ่ายเงินได้หักไว้ และให้ผู้จ่ายเงินรับผิดชำระภาษีจำนวนนั้นแต่ฝ่ายเดียว (มาตรา 54 แห่งประมวลรัษฎากร)

ถ้าผู้จ่ายเงินซึ่งมีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย ไม่นำเงินภาษีส่งภายในกำหนดเวลาตามกำหนด. จะต้องรับผิดเสียเงินเพิ่มในอัตราร้อยละ 1.5 ต่อเดือนหรือเศษของเดือนของเงินภาษีที่ต้องนำส่ง ทั้งนี้ ให้คำนวณเงินเพิ่มเป็นรายเดือน (เศษของเดือน ให้นับเป็น 1 เดือน) นับแต่วันพ้นกำหนดเวลายื่นแบบฯ จนถึงวันยื่นแบบฯ และนำส่งภาษี (มาตรา 27 แห่งประมวลรัษฎากร)

ถ้าผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่ายไม่ยื่นแบบฯ ภายในกำหนดเวลาตามกำหนด เว้นแต่จะแสดงว่าได้มีเหตุสุดวิสัย ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท (มาตรา 35 แห่งประมวลรัษฎากร)

ผู้ใดโดยเจตนาไม่ยื่นรายการที่ต้องยื่น เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (มาตรา 37 ทวิแห่งประมวลรัษฎากร)

ข้อสรุป ภ.ง.ด.1 ไม่ยากอย่างที่คิด เตรียมตัวให้พร้อมยื่นให้ตรงเวลา

บทความนี้ได้พาทุกท่านไปทำความรู้จักกับแบบแสดงรายการภาษี ภ.ง.ด.1 ตั้งแต่ความหมาย ความสำคัญ เอกสารที่ต้องเตรียม รวมถึงบทลงโทษหากยื่นไม่ทันกำหนด เพื่อให้สามารถยื่นภาษีได้อย่างถูกต้อง มั่นใจ และไม่พลาดสิทธิประโยชน์ที่สำคัญ

แม้การยื่นภาษีจะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน แต่หากเราเตรียมตัวศึกษาข้อมูลให้ดี จัดเตรียมเอกสารให้พร้อม และยื่นแบบภายในเวลาที่กำหนด ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านทุกท่าน หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถแสดงความคิดเห็น หรือสอบถามเข้ามาที่ ชอบการบัญชี ได้เลยนะคะ

อ้างอิง : กรมสรรพากร

ภ.ง.ด. 54 คืออะไร? ใครต้องยื่นบ้าง? พร้อมช่องทางการยื่นภาษี

ภาพมือของนักบัญชีกำลังตรวจสอบรายงานทางการเงิน บนโต๊ะทำงาน ภ.ง.ด.54

ภ.ง.ด. 54 ที่หลาย ๆ คนอาจเคยได้ยิน หรือ คุ้นหู คืออะไร ? ใครเป็นผู้ที่ต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด.54 ? คำนวณแบบไหน? ยื่นช่องทางใดบ้าง? และเกี่ยวอะไรกับ การซื้อ/ขาย/เช่า ? วันนี้ชอบการบัญชีมาไขคำตอบนี้ให้กับคุณ

ภ.ง.ด.54 คืออะไร?

ตามทางกฎหมายของ ภ.ง.ด.54 คือ “การนำส่งภาษีเงินได้นิติบุคคลและการจำหน่ายเงินกำไร ตามบทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากร ในมาตรา 70 และ 70 ทวิ” 

หรือให้เข้าใจง่ายที่สุดคือ  แบบยื่นแจ้งการหักภาษี ณ ที่จ่าย ของนิติบุคคลที่ตั้งตามกฎหมายของต่างประเทศ และไม่ได้ประกอบกิจการธุรกิจในไทย แต่มีการรับรายได้พึงประเมินมาตรา 40 (2) (3) (4) (5) หรือ (6) ซึ่งจ่ายในประเทศไทย โดยผู้หักภาษีทำการหักจากเงินได้ที่จ่ายออกไป

หากอธิบายแบบที่เข้าใจได้ง่าย ผู้ประกอบการที่อยู่ภายในประเทศไทย และมีการซื้อสินค้าหรือใช้บริการจากนิติบุคคล ที่ถูกจัดตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศ เมื่อถึงวันที่คุณจะต้องจ่ายเงินให้กับทางบริษัทที่ไม่ได้ประกอบกิจการในประเทศไทย จะต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายและนำส่งให้กับทางกรมสรรพากรไม่เกิน 7 วัน นับจากวันสิ้นเดือน

โดยในแบบ ภ.ง.ด.54 จะระบุถึงภาษีเงินได้ ‘หัก ณ ที่จ่าย’ สำหรับเงินได้ตามมาตรา 40 ประเภท 2 ถึง 6 หรือการจำหน่ายกำไร ให้กับนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศ โดยอัตราในการนำส่งจะอยู่ที่ 10% และ 15% ซึ่งขึ้นอยู่กับประเภทของเงินได้

การหักภาษี ณ ที่จ่าย สำหรับแบบ ภ.ง.ด.54 จะมีอัตราภาษีที่ได้ระบุเอาไว้ ตามประเภทของเงินได้ ซึ่งถูกแบ่งออกเป็น 2 กรณี คือ

  1. มาตรา 40 ประเภทที่ 2 ถึง 6 มีอัตราการหักภาษี ณ ที่จ่ายอยู่ที่ 15%
  2. มาตรา 40 ประเภทที่ 4 (เงินปันผล) มีอัตราการหักภาษี ณ ที่จ่ายอยู่ที่ 10%

ใครเป็นผู้ที่ต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด.54 ?

ผู้ที่ต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด.54 เป็นนิติบุคคลที่อยู่ภายในประเทศไทย และต้องตรวจสอบก่อนว่า มีการจ่ายเงินตามมาตรา 70 ที่ระบุถึง เงินได้พึงประเมิน มาตรา 40 ประเภทที่ 2 ถึง 6 ตามที่กฎหมายได้กำหนดเอาไว้หรือไม่ หากเป็นเงินได้นอกเหนือจากประเภทนี้ คุณก็ไม่ต้องยื่นแบบ  ภ.ง.ด.54

  • มาตรา 40 ประเภทที่ 2 เงินได้จากหน้าที่หรือตำแหน่งที่ทำ ถือว่าเป็นการจ้างแบบชั่วคราว เช่น ค่านายหน้า หรือฟรีแลนซ์ เป็นต้น
  • มาตรา 40 ประเภทที่ 3 เงินได้กู๊ดวิลล์ หรือค่าค่าลิขสิทธิ์หรือสิทธิต่างๆ ที่ได้รับในลักษณะเงินรายปี อย่างพินัยกรรมหรือคำพิพากษาจากศาล
  • มาตรา 40 ประเภทที่ 4 เงินได้ดอกเบี้ย (พันธบัตร, เงินฝาก และหุ้นกู้) เงินปันผล และส่วนแบ่งกำไรต่างๆ
  • มาตรา 40 ประเภทที่ 5 เงินได้จากการเช่าทรัพย์สินหรือเป็นค่าเช่า เช่น ค่าเช่าโกดัง หรือที่ดินรวมสิ่งปลูกสร้าง
  • มาตรา 40 ประเภทที่ 6 เงินได้วิชาชีพอิสระ (ไม่รวมฟรีแลนซ์) ที่กฎหมายกำหนด เช่น การบัญชี, วิชากฎหมาย และ แพทย์เป็นต้น

หากมีการตรวจสอบแล้วพบว่า ธุรกิจของคุณตรงตามมาตรา 70 ในประเภทของเงินได้ และ 70 ทวิ ที่ต้องเสียภาษีเงินได้ โดยหักภาษีจากจำนวนเงินตามอัตราภาษีเงินได้สำหรับบริษัท หลังจากที่คุณทำการจ่ายเงินแล้ว จะต้องเตรียมยื่นแบบ ภ.ง.ด.54 กับทางกรมสรรพากรภายในวันที่ 7 ของเดือนถัดไป หากยื่นออนไลน์ ต้องไม่เกิน 15 วัน นับแต่วันสิ้นเดือน

ตัวอย่างวิธีการคำนวณ

ตัวอย่าง บริษัท นำเงินรวย จำกัด ที่จัดตั้งอยู่ภายในประเทศไทย ได้มีการติดต่อกับทาง บริษัท จิ๋วซือ จำกัด ที่อยู่ในประเทศจีน เพื่อต้องการเช่าโกดังจัดเก็บสินค้า โดยการเช่าโกดังมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 100,000 บาท

วิธีคิด

  • การเช่าโกดัง เป็นเงินได้ประเภทที่ 5 จึงต้องหัก 15 %
  • 100,000 x 15% = 15,000 บาท

คุณจะต้องหัก 15,000 บาท จาก 100,000 บาทที่ต้องจ่ายให้กับบริษัทที่อยู่ต่างประเทศ เท่ากับว่าทางบริษัท นำเงินรวย จำกัด จะได้รับเงินเป็นจำนวน 85,000 บาท ส่วน 15,000 บาทคุณจะต้องเป็นผู้หักและนำส่งภาษีเงินได้นิติบุคคล ให้กับกรมสรรพากรแทนบริษัท จิ๋วซือ จำกัด เพราะเขาไม่ได้อยู่ภายในประเทศไทย* ในทางการบัญชี ค่าความนิยม (Goodwill) เป็นส่วนต่างของมูลค่ากิจการตามบัญชี กับมูลค่าที่ซื้อขายกันจริง โดยส่วนมากบริษัทที่ดำเนินธุรกิจมาเป็นระยะเวลานาน และมีผลประกอบการที่ดี เมื่อขายกิจการก็ย่อมขายได้ในราคาที่สูงกว่ามูลค่าตามบัญชี เนื่องจากที่ภาพลักษณ์ที่ดีเป็น premium ของมูลค่าธุรกิจนั่นเอง

ช่องทางในการยื่นแบบ ภ.ง.ด.54

  1. สํานักงานสรรพากร สามารถนำไปยื่นได้ภายในวันที่ 7 ของเดือนถัดไป ตามสถานที่ตั้งและสำนักงานของกรมสรรพากร ที่เปิดให้บริการตามเวลาราชการ
  2. ธนาคารพาณิชย์ไทย กรณีที่คุณอยู่ภายในกรุงเทพฯ สามารถยื่นแบบ ภ.ง.ด.54 ได้ ในระยะเวลาที่กำหนดแบบเดียวกันกับทางสํานักงานสรรพากร
  3. ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต จะให้เวลามากกว่าการยื่นที่สำนักงาน ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป ผ่านทางเว็บไซต์ของ E-FILING 

เมื่อคุณเป็นผู้ประกอบการที่มีการติดต่อหรือทำธุรกิจกับบริษัทที่อยู่ต่างประเทศ จะต้องมีความรู้พื้นฐานในเรื่องของภาษี เพื่อเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อองค์กร เพราะมีการเสียภาษีที่ถูกต้องตามกฎหมาย เช่นเดียวกันกับแบบ ภ.ง.ด.54 ที่นอกจากจะเป็นการหัก ณ ที่จ่ายแทนผู้ประกอบการที่อยู่ต่างประเทศแล้ว จะต้องตรวจสอบให้ดีด้วยว่า เงินได้อยู่ในประเภทที่กำหนดเอาไว้หรือไม่ และต้องมีการใช้อัตราภาษีที่ถูกต้อง

แต่สำหรับใครที่เป็นผู้ประกอบการมือใหม่ และเรื่องของภาษีเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ยาก ไม่สามารถจัดการได้ด้วยตนเอง การเลือกใช้บริการจากสำนักงานบัญชี จึงเป็นอีกตัวช่วยหนึ่งที่ตอบโจทย์กับธุรกิจของคุณ ไว้ใจเรื่องของภาษีเลือกใช้บริการกับ ชอบการบัญชี ได้เลยนะคะ

Disclosure Form สำคัญอย่างไร? ไขข้อข้องใจ ทำไมต้องมี?

ผู้หญิงกำลังอ่านเอกสารเกี่ยวกับแบบฟอร์มการเปิดเผยข้อมูล

เคยสงสัยไหมว่าทำไมบางธุรกิจถึงต้องกรอกเอกสาร Disclosure Form? เอกสารที่ดูเหมือนจะยุ่งยากนี้ จริงๆ แล้วมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในโลกธุรกิจและการเงิน Disclosure Form หรือแบบฟอร์มนี้ จะช่วยตรวจสอบข้อมูลของธุรกิจ 

เพราะเเบบฟอร์ม Disclosure Form ถูกออกแบบมาเพื่อให้มั่นใจได้ว่าทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจนั้น ๆ ได้รับข้อมูลที่ครบถ้วน โปร่งใส และเป็นธรรม ซึ่งช่วยลดความเสี่ยง ลดปัญหา และสร้างความน่าเชื่อถือในระยะยาวของธุรกิจได้

 มาดูกันว่า Disclosure Form สำคัญอย่างไร? และใครบ้างที่จำเป็นต้องใช้บ้าง?

Disclosure Form คืออะไร?

Disclosure Form หรือ แบบรายงานประจำปี คือ เอกสารที่กรมสรรพากรกำหนดให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันตามมาตรา 71 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากรต้องจัดทำและยื่น เพื่อแสดงข้อมูลเกี่ยวกับธุรกรรมที่เกิดขึ้นระหว่างบริษัทที่เกี่ยวข้อง และต้องยื่นพร้อมกับการยื่นแบบแสดงรายการตามมาตรา 69 คือ ภายใน 150 วัน นับแต่วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี ซึ่งเป็นแบบรายงานที่แสดงข้อมูลเกี่ยวกับ

  1. รายชื่อบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันที่ประกอบกิจการในประเทศไทย และไม่ได้ประกอบกิจการในประเทศไทย
  2. มูลค่าธุรกรรมระหว่างกันในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชี
  3. ข้อมูลอื่นๆ เช่น ผู้มีหน้าที่จัดทำงบการเงินรวม การปรับปรุงโครงสร้างธุรกิจ การจำหน่ายจ่ายโอนทรัพย์สินที่ไม่มีตัวตนไปยังบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันหรือไม่ เป็นต้น

** ดังนั้น Disclosure Form ไม่ได้มีไว้ใช้เพื่อตรวจสอบภาษี แต่มีไว้เพื่อนำไปประเมินความเสี่ยงว่าบริษัทไหน มีความเสี่ยงมากในเรื่อง Transfer Pricing ถ้าประเมินแล้วมีความเสี่ยงมาก ก็อาจจะมีการขอตรวจสอบเพิ่มเติม **

ยกตัวอย่าง กรณีที่ 1 การถือหุ้น หรือถูกถือหุ้นมากกว่า 50% ทั้งทางตรงและทางอ้อม

บริษัท A ถือหุ้นในบริษัท B ไม่น้อยกว่า 50% จะถือว่าบริษัท A และบริษัท B มีความสัมพันธ์กันตามมาตรา 71 ทวิ วรรค 2 

ดังนั้นหากบริษัท A มีรายได้ 200 ล้านบาทขึ้นไป บริษัท A ต้องยื่นแบบ Disclosure form และรายงานในแบบว่ามีความสัมพันธ์กับบริษัท B และต้องเปิดเผยมูลค่าและต้องเปิดเผยรายการค้า (Transaction) ต่างๆ ที่ทำกับ B ในปีนั้นๆ

ในทางกลับกันบริษัท B หากมีรายได้เกิน 200 ล้านบาท ก็ต้องยื่นแบบ Disclosure form และรายงานในแบบว่ามีความสัมพันธ์กับบริษัท A และต้องเปิดเผยมูลค่า Transaction ต่างๆ ที่กับ A ในปีนั้นๆ ด้วยเหมือนกัน

ยกตัวอย่าง กรณีที่ 2 ผู้ถือหุ้นหรือผู้เป็นหุ้นส่วนซึ่งถือหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วนในนิติบุคคลหนึ่งไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมไม่น้อยกว่า 50% ของทุนทั้งหมด

บริษัท A ถือหุ้นในบริษัท B และ C ไม่น้อยกว่า 50% หากพิจารณาตามข้อ 2.2 จะถือว่าบริษัท B และบริษัท C มีความสัมพันธ์กัน  


ในกรณีนี้ถ้ามองเผินๆ อาจจะคิดว่าบริษัท B กับ C ไม่น่ามีความ สัมพันธ์กันแต่ว่าจริงๆ แล้วตาม ตาม 71 ทวิ วรรค 2 ข้อ 2.2 การที่บริษัท A ถือหุ้นไม่น้อยกว่า 50% ทั้ง 2 บริษัท ก็ถือได้ว่าบริษัท A มีอำนาจ ควบคุมในบริษัททั้ง 2 บริษัทแล้ว การจะกระทำสั่งการให้เกิดการซื้อขายในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาดก็ย่อมทำได้ ดังนั้นตามกฎหมายบริษัท B และ บริษัท C จึงถือว่ามีความสัมพันธ์กัน ทำให้ทั้งบริษัท B และ บริษัท C ต้องยื่นแบบเปิดเผยความสัมพันธ์ของกันและกัน และเปิดเผยมูลค่ารายการค้า (Transaction) ที่กระทำกันระหว่างปีด้วย

ผู้มีหน้าที่ยื่นแบบรายงาน Disclosure Form คือใคร?

บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีลักษณะ ดังนี้

1.นิติบุคคลหนึ่งถือหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วนในอีกนิติบุคคลหนึ่ง ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อม

ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของทุนทั้งหมด หรือ ผู้ถือหุ้นหรือผู้เป็นหุ้นส่วนซึ่งถือหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วนในนิติบุคคลหนึ่ง ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของทุนทั้งหมด ไปถือหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วนในอีกนิติบุคคลหนึ่ง ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของทุนทั้งหมด

2.มีรายได้จากกิจการหรือเนื่องจากกิจการที่กระทำในรอบระยะเวลาบัญชีของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันตามงบการเงินเป็นจำนวนเกินกว่า 200 ล้านบาท (กฎกระทรวง ฉบับที่ 370ฯ ลงวันที่ 6 พฤศจิกายน 2563)

(ในส่วนของความสัมพันธ์ด้านการจัดการ การควบคุม หรือด้านทุน ตามมาตรา 71 ทวิ วรรคสอง (2) ยังไม่มีผลใช้ปังคับ)

แบบฟอร์ม Disclosure Form มีข้อมูลอะไรบ้าง?

แบบฟอร์ม Disclosure Form มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงความโปร่งใส และป้องกันความขัดแย้ง

ทางผลประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้นจากธุรกรรมระหว่างบริษัทที่มีความสัมพันธ์กัน โดยข้อมูลในแบบฟอร์มจะครอบคลุม 3 ส่วนหลัก ๆ ดังนี้

1. รายชื่อบริษัทที่มีความสัมพันธ์กัน

  • แสดงรายชื่อบริษัททั้งในประเทศไทยและต่างประเทศที่มีความสัมพันธ์กัน
  • ระบุสถานะความสัมพันธ์ เช่น บริษัทแม่ บริษัทย่อย บริษัทในเครือ
  • ระบุว่ามีรายการธุรกรรมระหว่างบริษัทที่มีความสัมพันธ์กันหรือไม่

2. มูลค่าธุรกรรมระหว่างกันในรอบระยะเวลาบัญชี

แสดงรายละเอียดและมูลค่าของธุรกรรมที่เกิดขึ้นระหว่างบริษัทที่มีความสัมพันธ์กัน เช่น

  • รายได้จากการขายสินค้าหรือบริการ
  • รายได้อื่นๆ
  • ค่าใช้จ่ายในการซื้อวัตถุดิบหรือสินค้า
  • การซื้อ-ขายที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์
  • รายจ่ายอื่นๆ
  • จำนวนเงินกู้ยืมและให้กู้ยืม ณ วันสิ้นรอบระยะเวลาบัญชี

3. ข้อมูลอื่นๆ (ถ้ามี)

ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมระหว่างบริษัทที่มีความสัมพันธ์กันที่อยู่นอกเหนือจากส่วนที่ 1 และ 2 เช่น

  • การปรับปรุงโครงสร้างทางธุรกิจ
  • การจำหน่าย จ่าย โอนทรัพย์สินไม่มีตัวตน

ช่องทางการยื่น Disclosure Form มีอะไรบ้าง?

1.การยื่น Disclosure Form ให้ยื่นผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตทางเว็บไซต์ (Website) ของกรมสรรพากร www.rd.go.th ได้โดยตรงหรือผ่านทางระบบบริการ Single Sign On ทางเว็บไซต์ 

(Website) ของกระทรวงการคลัง เนื่องจากเป็นการยื่นออนไลน์ ( E-FILING ) กรมสรรพากร ได้ขยายเวลาการยื่นเพิ่มอีก 8 วัน เป็นภายใน 158 วันนับแต่วันสิ้นรอบระยะเวลาบัญชี

2.หากมีเหตุจำเป็นที่ทำให้ไม่สามารถยื่น e-Fling ได้ ผู้ประกอบการสามารถพิมพ์ Disclosure Form จากระบบ เพื่อนำแบบรายงานที่เป็นกระดาษไปยื่น พร้อมกับทำหนังสือแจ้งต่ออธิบดีกรมสรรพากรถึงเหตุอันสมควรที่ไม่สามารถยื่น e-Filing ได้ โดยยื่น ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขา ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ ภายใน 150 วัน นับแต่วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี

หากไม่ยื่น Disclosure Form ตามกำหนดจะมีโทษอย่างไร

มาตรา 35 ตรี ตามประมวลรัษฎากร กำหนดโทษสำหรับนิติบุคคลที่ไม่ยื่นรายงานหรือเอกสาร

หรือหลักฐานตามแบบที่อธิบดีกำหนด หรือแสดงข้อมูลไม่ถูกต้องครบถ้วน โดยไม่มีเหตุอันสมควรหรือไม่ยื่นภายในกำหนดเวลา ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองแสนบาท”

อย่างไรก็ตาม กรมสรรพากร ได้กำหนดอัตราที่ควรเปรียบเทียบปรับไว้ สำหรับการยื่นรายงานเกินกำหนดเวลา สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นไป ดังนี้

  • ไม่เกิน 7 วัน นับแต่วันพ้นกำหนดเวลา ปรับ 50,000 บาท
  • เกิน 7 วัน นับแต่วันพ้นกำหนดเวลา ปรับ 100,000 บาท
  • เจ้าหน้าที่ตรวจพบ ปรับ 200,000 บาท

บทสรุป Disclosure Form เอกสารสำคัญสำหรับธุรกิจ

การทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ ไม่ได้หมายความแค่การสร้างผลกำไรเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้องตามกฎหมายและโปร่งใส ซึ่ง Disclosure Form  เปรียบเสมือนกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจของคุณบรรลุเป้าหมายนั้น ช่วยให้ธุรกรรมระหว่างบริษัทที่เกี่ยวข้องมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้และป้องกันความขัดแย้งทางผลประโยชน์ ที่อาจเกิดขึ้นจากธุรกรรมระหว่างบริษัทที่มีความสัมพันธ์กัน

ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Disclosure Form สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ของกรมสรรพากร

ข้อมูจาก: กรมสรรพากร, https://goldtraders.or.th/

รู้จักกับ ภ.ง.ด.51 คืออะไร? ควรยื่นตอนไหน? ยื่นอย่างไรไม่ให้ถูกปรับ

รูปภาพแสดงให้เห็นมือของหญิงสาวกำลังใช้เครื่องคิดเลขสำหรับงานบัญชี

รู้หรือไม่ว่า นอกจากภาษีเงินได้นิติบุคคลประจำปีที่บริษัทและห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลต้องยื่นแล้ว ยังมีภาษีเงินได้นิติบุคคลครึ่งปี (ภ.ง.ด. 51) ที่ต้องยื่นด้วยนะ! บทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับ ภ.ง.ด. 51 อย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นใครมีหน้าที่ต้องยื่น ภ.ง.ด. 51 บ้าง? ยื่นเมื่อไหร่? และมีเทคนิคในการยื่นอย่างไรเพื่อไม่ให้ถูกค่าปรับ? ตามมาหาคำตอบพร้อมกันได้เลย

ภ.ง.ด.51 คืออะไร?

ภ.ง.ด.51 คือ แบบแสดงรายการภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับครึ่งรอบระยะเวลาบัญชี (6 เดือน) ใช้สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ในการยื่นภาษีเงินได้ครึ่งปี โดยคำนวณจากกำไรสุทธิในช่วง 6 เดือนแรกของปีบัญชี และจะ+มีการคำนวณภาษีเงินได้ประจำปีอีกครั้งเมื่อสิ้นปีบัญชี โดยใช้แบบ ภ.ง.ด. 50

ความสำคัญของ ภ.ง.ด.51 

การยื่นแบบ ภ.ง.ด.51 มีความสำคัญอย่างมากในการให้ข้อมูลทางการเงินของนิติบุคคลแก่กรมสรรพากร เพื่อให้สามารถตรวจสอบและประเมินภาษีที่เกี่ยวข้องได้อย่างถูกต้องและเป็นไปตามกฎหมาย นอกจากนี้ การกรอกและยื่นแบบ ภ.ง.ด.51 อย่างถูกต้องและครบถ้วนยังเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงในการตรวจสอบจากกรมสรรพากร และสร้างความเชื่อถือในการปฏิบัติตามกฎหมายภาษีให้แก่นิติบุคคลด้วย

ผู้ใดบ้างมีหน้าที่ต้องยื่นภาษีเงินได้นิติบุคคลครึ่งปี (ภ.ง.ด. 51) ?

ผู้มีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการ ภ.ง.ด.51 ได้แก่

  1. บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ต้องจัดทำประมาณการกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิ
  2. บริษัทจดทะเบียน ธนาคารพาณิชย์ตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์ หรือบริษัทเงินทุน บริษัทหลักทรัพย์ หรือบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ หรือบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล เสียภาษีจากกำไรสุทธิ(ขาดทุนสุทธิ) จริงในครึ่งปีแรก

หมายเหตุ: บริษัทที่จดทะเบียนใหม่ในปีปัจจุบัน ได้รับยกเว้นไม่ต้องยื่น ภ.ง.ด. 51 เนื่องจากรอบระยะเวลาบัญชีน้อยกว่า 12 เดือน

ควรยื่นแบบ ภ.ง.ด.51 ตอนไหน?

กำหนดยื่นแบบ ภ.ง.ด. 51 ขึ้นอยู่กับรอบบัญชีของนิติบุคคล ดังนี้

  1. รอบบัญชีปกติ (เริ่ม 1 มกราคม สิ้นสุด 31 ธันวาคม)
    • ยื่นแบบฯ ผ่านระบบ e-Filing ของกรมสรรพากร
      • ครึ่งปีแรก ภายใน 2 เดือน 8 วัน นับแต่วันสุดท้ายของครึ่งรอบระยะเวลาบัญชี กำหนด: ภายในวันที่ 8 กันยายน ของปีถัดไป
      • ครึ่งปีหลัง ภายใน 2 เดือน 8 วัน นับแต่วันสุดท้ายของครึ่งรอบระยะเวลาบัญชี กำหนด: ภายในวันที่ 8 มีนาคม ของปีถัดไป
    • ยื่นแบบฯ ด้วยตนเองที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่
      • ครึ่งปีแรก ภายใน 2 เดือน นับแต่วันสุดท้ายของครึ่งรอบระยะเวลาบัญชี กำหนด: ภายในวันที่ 31 สิงหาคม ของปีถัดไป
      • ครึ่งปีหลัง ภายใน 2 เดือน นับแต่วันสุดท้ายของครึ่งรอบระยะเวลาบัญชี กำหนด: ภายในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ของปีถัดไป
  2. รอบบัญชีพิเศษ (เริ่มวันที่ 1 ของเดือนใดเดือนหนึ่ง สิ้นสุดวันที่ 30 หรือ 31 ของเดือนถัดไป)
    • ยื่นแบบฯ ผ่านระบบ e-Filing ของกรมสรรพากร ภายใน 2 เดือน 8 วัน นับแต่วันสุดท้ายของครึ่งรอบระยะเวลาบัญชี
    • ยื่นแบบฯ ด้วยตนเองที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่ ภายใน 2 เดือน นับแต่วันสุดท้ายของครึ่งรอบระยะเวลาบัญชี

หมายเหตุ

  • กรณีบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ สามารถขยายระยะเวลายื่นแบบ ภ.ง.ด. 51 เพิ่มเติม 15 วัน
  • กรณีบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทเงินทุน บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทเครดิตฟองซิเอร์
    • ยื่นแบบฯ ผ่านระบบ e-Filing ของกรมสรรพากร ภายใน 2 เดือน 23 วัน นับแต่วันสุดท้ายของครึ่งรอบระยะเวลาบัญชี
    • ยื่นแบบฯ ด้วยตนเองที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่ ภายใน 2 เดือน 15 วัน นับแต่วันสุดท้ายของครึ่งรอบระยะเวลาบัญชี

คำนวณภาษี ภ.ง.ด. 51

การคำนวณภาษีเงินได้สำหรับยื่นแบบ ภ.ง.ด. 51 มี 2 วิธี ดังนี้

  1. กึ่งหนึ่งของประมาณการกำไรสุทธิทั้งปี ใช้กับบริษัททั่วไป เช่น กิจการซื้อมาขายไป กิจการผลิต กิจการบริการ
  2. กำไรสุทธิของรอบระยะเวลาบัญชี 6 เดือนแรก ใช้กับบริษัทดังต่อไปนี้
    • บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทเงินทุน บริษัทหลักทรัพย์ หรือบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ (ไม่ต้องแนบงบแสดงฐานะการเงิน และหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย)
    • บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากรฯ (ต้องแนบงบแสดงฐานะการเงิน และหนังสือรับรองของผู้สอบบัญชี)

ยื่นแบบ ภ.ง.ด.51 ล่าช้ากว่ากำหนดจะโดนโทษอย่างไรบ้าง?

กรณียื่นแบบแสดงรายการ ภ.ง.ด.51 เกินกำหนดระยะเวลา จะต้องรับผิดดังนี้

  1. ค่าปรับไม่เกิน 2,000 บาท กรณีไม่ยื่นแบบแสดงรายการภายในเวลาที่กำหนด
  2. กรณีมีภาษีต้องชำระ ต้องเสียเงินเพิ่มอีกร้อยละ 20 ของจำนวนเงินภาษีที่ต้องชำระ ทั้งนี้หากเป็นกรณีที่ผู้เสียภาษียื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีพร้อมกับการยื่นแบบโดยไม่ได้รับคำเตือนหรือคำเรียกตรวจสอบเป็นหนังสือ ให้ลดเงินเพิ่ม ให้เสียอัตราร้อยละ 1.5 ต่อเดือน หรือเศษของเดือนของเงินภาษีที่ต้องชำระ แต่ไม่เกินเงินเพิ่มตามที่กฎหมายกำหนด

ข้อควรระวังในการยื่น ภ.ง.ด. 51 กรณีกำไรสุทธิขาดไปเกินร้อยละ 25

หากยื่นแบบ ภ.ง.ด. 51 โดยแสดงประมาณการกำไรสุทธิ ขาดเกินร้อยละ 25 ของกำไรสุทธิในรอบระยะเวลาบัญชีนั้น โดยไม่มีเหตุผลอันควร จะต้องเสียเงินเพิ่มอีกร้อยละ 20 ของภาษีที่ชำระไว้ขาด หากบริษัทได้ยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีพร้อมกับการยื่นแบบแสดงรายการ โดยไม่ได้รับ คำเตือนหรือคำเรียกตรวจสอบไต่สวน โดยตรงเป็นหนังสือ ให้ลดเงินเพิ่มได้ แต่ต้องเสียในอัตราและตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้

(ก) ถ้าชำระภายใน 2 วัน นับแต่วันพ้นกำหนดเวลายื่นรายการ ให้เสียร้อยละ 0.10 ของเงินภาษี ที่ต้องชำระ

(ข) ถ้าชำระภายหลัง 2 วัน แต่ไม่เกิน 7 วัน นับแต่วันพ้น กำหนดเวลายื่นรายการ ให้เสียร้อยละ 0.50 ของเงินภาษีที่ต้องชำระ

วิธีการคำนวณประมาณการกำไรสุทธิขาดไปเกินร้อยละ 25

ให้นำกำไรสุทธิจริง ลบด้วยประมาณการกำไรสุทธิได้เท่าไร นำผลลัพธ์คูณด้วย 100 หารด้วยกำไรสุทธิจริง มีดังนี้

ตัวอย่าง บริษัทประมาณการกำไรสุทธิไว้ 70,000 บาท ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้จำนวน 5,000 บาท

แต่กำไรสุทธิที่บริษัทยื่นรายการตามแบบแสดงรายการ ภ.ง.ด.50 และชำระภาษีเมื่อสิ้นรอบระยะเวลาบัญชี 100,000 บาท ประมาณการกำไรสุทธิของบริษัทขาดเกินกว่าร้อยละ 25 หรือไม่

วิธีการคำนวณ

กำไรสุทธิจริง 100,000 แต่ ประมาณการกำไรสุทธิ 70,000 = ประมาณการขาด 30,000

กำไรสุทธิ 100 ประมาณการกำไรสุทธิขาดไป = 30,000*100/100,000= 30

ดังนั้น ถือว่าประมาณการกำไรสุทธิขาดไปเกินกว่าร้อยละ 25

ถึงตรงนี้ หลายคนคงเข้าใจเรื่องภาษีเงินได้นิติบุคคลครึ่งปี (ภ.ง.ด. 51) มากขึ้นแล้ว หลักสำคัญคือต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าบริษัทของคุณเข้าข่ายต้องยื่นหรือไม่ และต้องยื่นภายในกำหนดเวลาที่กำหนด  

อย่าลืมว่า การคำนวณภาษีอย่างรอบคอบ รวมถึงการประมาณการกำไรสุทธิให้ใกล้เคียงความเป็นจริงที่สุด จะช่วยลดความเสี่ยงในการถูกเรียกตรวจสอบย้อนหลัง และทำให้บริษัทไม่ต้องเสียค่าปรับและเงินเพิ่มโดยใช่เหตุ 

สุดท้ายนี้ ขอแนะนำให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากกรมสรรพากรโดยตรง เพื่อความถูกต้องและเป็นปัจจุบัน เพื่อให้การยื่นภาษีของบริษัทเป็นไปอย่างราบรื่นและถูกต้องตามกฎหมาย

แหล่งข้อมูล : กรมสรรพากร

ภ.ง.ด.50 คืออะไร? สำคัญอย่างไร และทำไมต้องยื่นให้ถูกต้อง – คู่มือภาษีสำหรับธุรกิจ

ภาพมือของชายหนุ่มกำลังกดเครื่องคิดเลข และมีข้อความอยู่ด้านบนว่า ก.พ.ด. 50 คืออะไร? สิ่งที่ต้องทำ และทำไมต้องเช็คให้ถูกต้อง

การยื่นแบบฯ ภ.ง.ด.50 เป็นเรื่องสำคัญที่ทุกธุรกิจต้องให้ความใส่ใจ เนื่องจากเป็นแบบฟอร์ม ที่ใช้ในการรายงานภาษีเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล การทำความเข้าใจเกี่ยวกับ ภ.ง.ด.50 ไม่เพียงแค่ช่วยให้ธุรกิจของคุณปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายภาษีได้อย่างถูกต้อง แต่ยังช่วยป้องกันปัญหาทางกฎหมายและค่าปรับที่อาจเกิดขึ้นได้ ในบทความนี้ เราจะมาอธิบายว่า ภ.ง.ด.50 คืออะไร? สำคัญอย่างไร? และทำไมต้องทำการยื่นแบบฯ ภ.ง.ด.50 เพื่อให้ถูกต้องตามหน้าที่ จึงเป็นสิ่งที่ทุกธุรกิจไม่ควรมองข้าม

ภ.ง.ด.50 คืออะไร?

ภ.ง.ด.50 คืออะไร?

ภ.ง.ด.50 หรือ “แบบแสดงรายการภาษีเงินได้นิติบุคคล” เป็นแบบฟอร์มที่ใช้ในการยื่นภาษีของนิติบุคคลในประเทศไทยหรือบริษัทต่างชาติ โดยแบบฟอร์มนี้ใช้เพื่อรายงานรายได้และการดำเนินงานทางการเงินของบริษัทต่อกรมสรรพากร ภายในเวลาที่กำหนด โดย ภ.ง.ด.50 จะต้องยื่นทุกปีหลังจากสิ้นสุดรอบบัญชีภายใน 150 วัน (ภายในวันที่ 31 พฤษภาคม ของทุกปี) โดยไม่ว่าบริษัทนั้นจะมีรายได้หรือไม่ก็ตาม

ภ.ง.ด.50 มีความสำคัญยังไง?

ภ.ง.ด.50 เป็นแบบฟอร์มที่มีความสำคัญอย่างมากในการดำเนินกิจการของธุรกิจหรือนิติบุคคล โดยเฉพาะในเรื่องของการประมวลผลภาษีเงินได้ มันเป็นเอกสารที่ใช้ในการรายงานรายได้และรายได้ที่ได้รับการหักภาษีของบริษัทหรือนิติบุคคลต่าง ๆ ซึ่งมีความสำคัญดังนี้

1.เป็นข้อกำหนดของกฎหมายภาษี 

การยื่นแบบ ภ.ง.ด.50 เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายภาษีของประเทศ หากไม่ปฏิบัติตามอาจเสียค่าปรับหรือเผชิญกับความเสี่ยงทางกฎหมายอื่น ๆ ได้

2.การจัดการทางการเงิน
การรายงานรายได้และรายได้ที่ได้รับการหักภาษีจะช่วยให้ธุรกิจสามารถตรวจสอบสถานะการเงินของตนเองได้ และยังวางแผนทางการเงินในอนาคต

3.การป้องกันปัญหาทางกฎหมาย

การยื่นแบบฯ ภ.ง.ด.50 ให้ถูกต้องจะช่วยลดความเสี่ยงในการเผชิญกับค่าปรับหรือความผิดพลาดในการรายงานภาษี

4.เพิ่มความน่าเชื่อถือของกิจการต่อสถาบันการเงิน

การยื่นแบบฯ ภ.ง.ด.50 ให้ถูกต้องและเรียบร้อยจะช่วยสร้างความเชื่อถือจากสถาบันการเงิน ซึ่งอาจมีผลต่อการเข้าถึงสินเชื่อหรือการทำธุรกรรมทางการเงินอื่น ๆ ในอนาคต

ใครบ้างมีหน้าที่ต้องยื่น ภ.ง.ด.50

ตามกฎหมายภาษีเงินได้นิติบุคคล พ.ศ. 2531 นิติบุคคลทุกประเภทต้องยื่น ภ.ง.ด.50 ต่อกรมสรรพากรภายใน 150 วัน นับตั้งแต่วันสิ้นสุดรอบระยะเวลาบัญชี โดยไม่คำนึงว่าจะมีกำไรหรือขาดทุนก็ตาม

ตัวอย่างนิติบุคคลที่ต้องยื่น ภ.ง.ด.50 ได้แก่

รายละเอียดเอกสารแนบสำหรับยื่น ภ.ง.ด.50 มีอะไรบ้าง?

เมื่อยื่นแบบฯ ภ.ง.ด.50 จะต้องแนบเอกสารที่สำคัญเพื่อยืนยันข้อมูลที่ระบุในเอกสารที่เกี่ยวข้องกับรายได้และค่าใช้จ่ายตามกฎหมาย โดยเอกสารที่จะต้องแนบพร้อมกับแบบ ภ.ง.ด.50 มีดังนี้ 

  1. ใบแนบต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
  2. บัญชีงบดุล
  3. บัญชีทำการ และบัญชีกำไรขาดทุน พร้อมทั้งรายละเอียดประกอบ
  4. งบกระแสเงินสด
  5. รายงานประจำปี กรณีเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ประกอบกิจการวิสาหกิจ เพื่อสังคมตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด
  6. รายงานของผู้ตรวจสอบและรับรองบัญชี
  7. รายงานประจำปีสำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันตามมาตรา 71 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร (Disclosure Form)
  8. อื่นๆ ที่นอกเหนือจาก 1. ถึง 7. (ระบุ) เช่น แบบแสดงรายละเอียดการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีของกิจการศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ (IBC) ตามที่แนบท้ายประกาศอธิบดีกรมสรรพากร (ฉบับที่ 13)

ดาวน์โหลดฟอร์ม ภ.ง.ด.50

ตัวอย่างเอกสารสำหรับแม่ค้าออนไลน์ ในการยื่นแบบ ภ.ง.ด.50

  • แบบ ภ.ง.ด.51 ที่ยื่นไปแล้วในปีเดียวกัน
  • หนังสือรับรองภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย  
  • งบการเงิน (งบกำไรขาดทุน งบแสดงฐานะการเงิน งบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของเจ้าของ และหมายเหตุประกอบงบการเงิน)
  • รายงานผู้สอบบัญชีรับอนุญาต

** หมายเหตุ เจ้าของธุรกิจจะต้องเก็บรักษาเอกสารไว้อย่างน้อยเป็นเวลา 5 ปี โดยเฉพาะเอกสารที่เกี่ยวข้องในการทำธุรกิจต้องนำมาเก็บไว้เป็นหลักฐานเสมอ แม้จะมีการยื่นนำส่งภาษีไปแล้วก็ตาม**

หากไม่ยื่น ภ.ง.ด.50 ตามกำหนดจะโดนโทษทางกฎหมายอย่างไร ?

ในกรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลไม่ชำระภาษีภายใน 150 วัน นับแต่วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี จะต้องคำนวณ และชำระเงินเพิ่มอีกร้อยละ 1.5 ต่อเดือน (เศษของเดือนให้นับเป็น 1 เดือน) ของเงินภาษีที่ต้องชำระเพิ่มเติมตาม
ทั้งนี้ ให้คำนวณ เงินเพิ่มเป็นรายเดือนนับแต่วันพ้นกำหนดเวลายื่นแบบฯ จนถึง วันยื่นแบบฯ และชำระภาษี แต่ไม่เกินจำนวนเงินภาษีที่ต้องชำระเพิ่มเติม

หมายเหตุ : กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลไม่ยื่นแบบฯ ตามมาตรา 17 ประกอบมาตรา 68 แห่งประมวลรัษฎากร และไม่ยื่นบัญชี ตามมาตรา 69 แห่งประมวลรัษฎากร ภายในกำหนดเวลาดังกล่าว อาจต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 4,000 บาท (มาตรา35 แห่งประมวลรัษฎากร)

จากบทความข้างต้น จะเห็นได้ว่าการยื่นแบบฯ ภ.ง.ด.50 นั้นมีความสำคัญอย่างมาก อีกทั้งยังเป็นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้นิติบุคคลที่สำคัญที่ผู้ประกอบการในประเทศไทยต้องยื่นต่อกรมสรรพากร การยื่น ภ.ง.ด.50 ให้ถูกต้องและครบถ้วนไม่เพียงแต่ช่วยป้องกันการเสียค่าปรับและการตรวจสอบภาษีย้อนหลัง แต่ยังช่วยให้ธุรกิจมีการวางแผนการเงินที่มีประสิทธิภาพและสร้างความเชื่อถือให้กับผู้ลงทุนและคู่ค้าทางธุรกิจ

แหล่งข้อมูล : กรมสรรพากร

ข้อมูลที่ใช้ในการยื่นงบการเงิน แล้วถ้ายื่นผิดต้องทำอย่างไร?

สองชายหนุ่มในชุดสูทกำลังนั่งพูดคุยเกี่ยวกับธุรกิจ บนโต๊ะทำงานที่เต็มไปด้วยเอกสาร

หากยื่นงบผิดแก้ไขได้หรือไม่

ในระบบยื่นงบออนไลน์ผ่าน DBD E-Filing เมื่อเราทำการยื่นงบไปแล้ว ก็จะมีผลบอกนะคะ ว่ายื่นสำเร็จหรือไม่ บางครั้งก็มีจุดผิดพลาดที่ระบบของ DBD E-Filing หรือ พนักงานตรวจสอบ ตรวจเจอข้อผิดพลาดนั้น แต่ก็ไม่ต้องตกใจไปนะคะ เราก็สามารถยื่นแก้ไขงบฯที่ระบบของ DBD E-Filingได้ค่ะ แต่ว่าก็จะต้องกรอกข้อมูล และทำเรื่องขอหลายขั้นตอนกว่าตอนที่ยื่นครั้งแรกนิดนึงค่ะ

สาเหตุของข้อผิดพลาดและต้องเช็คก่อนที่จะยื่นงบฯ

การแก้ไขตัวเลขในงบการเงินที่ส่งผลกระทบต่อยอดรวม

แก้ไขรอบบัญชีใหม่

ผู้สอบไม่ลงลายมือชื่อรับรอง หรือ ใบอนุญาตสิ้นผล

ข้อมูลใน ส.บช.3 ผู้ทำบัญชี ผู้สอบบัญชี รหัสธุรกิจ ประเภทธุรกิจ

การแก้ไขงบการเงินที่ไม่ส่งผลกระทบต่อยอดรวม

ไฟล์สแกนที่นำส่งครั้งแรก สแกนขาด/เกิน/ไม่ชัด

การ ยื่นงบการเงิน มีขั้นตอนและสิ่งที่ต้องรู้ ไม่น้อยเลยใช่ไหมคะ แต่ก็ต้องทำเพราะสิ่งที่กฏหมายกำหนดไว้ให้ปฏิบัติ ทั้งเจ้าของธุรกิจและนักบัญชี จะต้องศึกษาเกี่ยวกับการยื่นงบ กฏหมายและกฏระเบียบที่ถูกต้อง เพื่อให้กิจการเปิดเผยข้อมูลให้ถูกต้องและทันเวลาตามกำหนด และข้อมูลที่เราเปิดเผยไป ก็เป็นประโยชน์ในหลายระดับเลยค่ะ

ระดับกิจการ ก็เป็นประโยชน์ของตัวกิจการเอง ที่ได้รู้ถึงผลการดำเนินการของตนเอง หรือสามารถนำข้อมูลงบการเงินไปทำธุรกรรมต่างๆกับธนาคารได้ค่ะ

ระดับธุรกิจ ก็เป็นประโยชน์ของตัวกิจการอีกเช่นกัน ที่มีงบการเงินที่มีมาตรฐานที่ใช้กันทั้งประเทศ เป็นข้อมูลในการเปรียบเทียบกับกิจการอื่นได้ และสามารถไปค้นหาข้อมูลของคู่แข่ง เพื่อทำการวางกลยุทธ์ต่างๆ ในการบริหารได้ค่ะ

ระดับประเทศ ข้อมูลงบการเงินนำไปใช้วิเคราะห์เกี่ยวกับเศรษฐกิจภาพรวมระดับประเทศ อย่างเช่น GDP หรือ มูลค่าส่วนแบ่งการตลาดของแต่ละอุตสาหกรรม เป็นต้น

ประโยชน์ของการยื่นงบมีเยอะเลยใช่ไหมคะ เราก็มาทำงบการเงินให้ถูกต้อง และนำส่งตามที่กฏหมายกำหนดผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีที่ต้องนำส่งงบการเงินต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเป็นประจำทุกปี ให้ทันเวลากันค่ะ

ใครบ้างที่มีหน้าที่ในการส่งงบการเงินประจำปี?

สองชายหนุ่มสวมสูทกำลังจับมือกันยิ้มอย่างมีความสุข

ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีจะต้องจัดให้มีการทำบัญชีนับแต่วันเริ่มทำบัญชี ดังต่อไปนี้

ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน บริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัด ให้เริ่มจัดทำบัญชีนับแต่วันที่ได้รับการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย

นิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศที่ประกอบธุรกิจในประเทศไทยให้เริ่มทำบัญชี นับแต่วันที่นิติบุคคลนั้นได้เริ่มต้นประกอบธุรกิจในประเทศไทย

กิจการร่วมค้าตามประมวลรัษฎากรให้เริ่มทำบัญชีนับแต่วันที่กิจการร่วมค้านั้นได้เริ่มต้นประกอบกิจการ

ข้อมูลเพิ่มเติม https://efiling.dbd.go.th/efiling-documents/dbd_law_account2543_Guilinebfinnste.pdf

timeline การนำส่งงบการเงินของนิติบุคคล

Timeline การสร้างงานบัญชีที่ยอดเยี่ยม

กลับมาอีกครั้งสำหรับฤดูกาลปิดงบการเงิน ยื่นงบการเงิน และยื่นภาษี ประจำปี  นักบัญชีและเจ้าของกิจการอย่าลืมวงปฏิทิน deadline วันสุดท้าย ด้านล่างนี้กันไว้นะคะ  จะได้ไม่พลาดไม่โดนค่าปรับค่ะ

วันสุดท้ายสำหรับการยื่นงบการเงิน ยื่นภาษีบริษัท 2567

สำหรับ “บริษัทจำกัด” ที่มีวันสิ้นรอบปีบัญชี คือ 31 ธันวาคม 2566 จะต้องปิดงบการเงิน ยื่นงบการเงิน และยื่นภาษีบริษัทประจำปี ภายในวันสุดท้ายดังนี้

** กรณียื่นออนไลน์ขยายเวลาตามที่กฎหมายกำหนด

#ปิดงบการเงิน #ปิดงบประจำปี2566 #นิติบุคคล #ยื่นภาษี #ยื่นภาษีออนไลน์ #รับปิดงบการเงิน

ทางสำนักงานบัญชีคุณภาพ เรามีบริการดูแลคุณลูกค้าทางด้านบัญชีและภาษีแบบครบวงจร

✅ รับทำบัญชี และยื่นภาษี/รายเดือน

✅ รับจดทะเบียนบริษัทจำกัด ห้างหุ้นส่วนจำกัด ทะเบียนพาณิชย์

✅ แก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสารของธุรกิจ

✅ ปิดงบการเงินประจำปี 

✅ ตรวจสอบบัญชี

✅ ให้คำปรึกษาและวิเคราะห์วางแผนทางด้านบัญชี และภาษีอากร

สอบถามข้อมูลและขอรับคำปรึกษาได้ที่

📩 Inbox : m.me/ChobAccounting

📱 โทร: 094-1594561, 098-8896262

🖥️ เว็บไซต์: https://chobaccounting.co.th/

✅ Line OA: @chobaccounting

หรือ คลิ๊ก https://lin.ee/VY2jgnO

▶️ Facebook : https://www.facebook.com/ChobAcct

📷 Tiktok : https://www.tiktok.com/@chobaccouting_online

🟥 Youtube : https://www.youtube.com/@ChobAccounting

🏢 สำนักงานตั้งอยู่ที่ บริษัท ชอบการบัญชี จำกัด เลขที่ 517/89 

ถนน มิตรภาพ-หนองคาย ตำบลในเมือง อำเภอเมือง นครราชสีมา 30000 

เปิดทำการทุกวันจันทร์ – วันเสาร์

เวลา 08.00 – 17.00 น.

( หยุดวันอาทิตย์และนักขัตฤกษ์ )