เคยสงสัยไหมว่าทำไมบางธุรกิจถึงต้องกรอกเอกสาร Disclosure Form? เอกสารที่ดูเหมือนจะยุ่งยากนี้ จริงๆ แล้วมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในโลกธุรกิจและการเงิน Disclosure Form หรือแบบฟอร์มนี้ จะช่วยตรวจสอบข้อมูลของธุรกิจ
เพราะเเบบฟอร์ม Disclosure Form ถูกออกแบบมาเพื่อให้มั่นใจได้ว่าทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจนั้น ๆ ได้รับข้อมูลที่ครบถ้วน โปร่งใส และเป็นธรรม ซึ่งช่วยลดความเสี่ยง ลดปัญหา และสร้างความน่าเชื่อถือในระยะยาวของธุรกิจได้
มาดูกันว่า Disclosure Form สำคัญอย่างไร? และใครบ้างที่จำเป็นต้องใช้บ้าง?
Disclosure Form คืออะไร?
Disclosure Form หรือ แบบรายงานประจำปี คือ เอกสารที่กรมสรรพากรกำหนดให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันตามมาตรา 71 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากรต้องจัดทำและยื่น เพื่อแสดงข้อมูลเกี่ยวกับธุรกรรมที่เกิดขึ้นระหว่างบริษัทที่เกี่ยวข้อง และต้องยื่นพร้อมกับการยื่นแบบแสดงรายการตามมาตรา 69 คือ ภายใน 150 วัน นับแต่วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี ซึ่งเป็นแบบรายงานที่แสดงข้อมูลเกี่ยวกับ
- รายชื่อบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันที่ประกอบกิจการในประเทศไทย และไม่ได้ประกอบกิจการในประเทศไทย
- มูลค่าธุรกรรมระหว่างกันในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชี
- ข้อมูลอื่นๆ เช่น ผู้มีหน้าที่จัดทำงบการเงินรวม การปรับปรุงโครงสร้างธุรกิจ การจำหน่ายจ่ายโอนทรัพย์สินที่ไม่มีตัวตนไปยังบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันหรือไม่ เป็นต้น
** ดังนั้น Disclosure Form ไม่ได้มีไว้ใช้เพื่อตรวจสอบภาษี แต่มีไว้เพื่อนำไปประเมินความเสี่ยงว่าบริษัทไหน มีความเสี่ยงมากในเรื่อง Transfer Pricing ถ้าประเมินแล้วมีความเสี่ยงมาก ก็อาจจะมีการขอตรวจสอบเพิ่มเติม **
ยกตัวอย่าง กรณีที่ 1 การถือหุ้น หรือถูกถือหุ้นมากกว่า 50% ทั้งทางตรงและทางอ้อม
บริษัท A ถือหุ้นในบริษัท B ไม่น้อยกว่า 50% จะถือว่าบริษัท A และบริษัท B มีความสัมพันธ์กันตามมาตรา 71 ทวิ วรรค 2
ดังนั้นหากบริษัท A มีรายได้ 200 ล้านบาทขึ้นไป บริษัท A ต้องยื่นแบบ Disclosure form และรายงานในแบบว่ามีความสัมพันธ์กับบริษัท B และต้องเปิดเผยมูลค่าและต้องเปิดเผยรายการค้า (Transaction) ต่างๆ ที่ทำกับ B ในปีนั้นๆ
ในทางกลับกันบริษัท B หากมีรายได้เกิน 200 ล้านบาท ก็ต้องยื่นแบบ Disclosure form และรายงานในแบบว่ามีความสัมพันธ์กับบริษัท A และต้องเปิดเผยมูลค่า Transaction ต่างๆ ที่กับ A ในปีนั้นๆ ด้วยเหมือนกัน
ยกตัวอย่าง กรณีที่ 2 ผู้ถือหุ้นหรือผู้เป็นหุ้นส่วนซึ่งถือหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วนในนิติบุคคลหนึ่งไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมไม่น้อยกว่า 50% ของทุนทั้งหมด
บริษัท A ถือหุ้นในบริษัท B และ C ไม่น้อยกว่า 50% หากพิจารณาตามข้อ 2.2 จะถือว่าบริษัท B และบริษัท C มีความสัมพันธ์กัน
ในกรณีนี้ถ้ามองเผินๆ อาจจะคิดว่าบริษัท B กับ C ไม่น่ามีความ สัมพันธ์กันแต่ว่าจริงๆ แล้วตาม ตาม 71 ทวิ วรรค 2 ข้อ 2.2 การที่บริษัท A ถือหุ้นไม่น้อยกว่า 50% ทั้ง 2 บริษัท ก็ถือได้ว่าบริษัท A มีอำนาจ ควบคุมในบริษัททั้ง 2 บริษัทแล้ว การจะกระทำสั่งการให้เกิดการซื้อขายในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาดก็ย่อมทำได้ ดังนั้นตามกฎหมายบริษัท B และ บริษัท C จึงถือว่ามีความสัมพันธ์กัน ทำให้ทั้งบริษัท B และ บริษัท C ต้องยื่นแบบเปิดเผยความสัมพันธ์ของกันและกัน และเปิดเผยมูลค่ารายการค้า (Transaction) ที่กระทำกันระหว่างปีด้วย
ผู้มีหน้าที่ยื่นแบบรายงาน Disclosure Form คือใคร?
บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีลักษณะ ดังนี้
1.นิติบุคคลหนึ่งถือหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วนในอีกนิติบุคคลหนึ่ง ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อม
ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของทุนทั้งหมด หรือ ผู้ถือหุ้นหรือผู้เป็นหุ้นส่วนซึ่งถือหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วนในนิติบุคคลหนึ่ง ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของทุนทั้งหมด ไปถือหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วนในอีกนิติบุคคลหนึ่ง ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของทุนทั้งหมด
2.มีรายได้จากกิจการหรือเนื่องจากกิจการที่กระทำในรอบระยะเวลาบัญชีของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันตามงบการเงินเป็นจำนวนเกินกว่า 200 ล้านบาท (กฎกระทรวง ฉบับที่ 370ฯ ลงวันที่ 6 พฤศจิกายน 2563)
(ในส่วนของความสัมพันธ์ด้านการจัดการ การควบคุม หรือด้านทุน ตามมาตรา 71 ทวิ วรรคสอง (2) ยังไม่มีผลใช้ปังคับ)
แบบฟอร์ม Disclosure Form มีข้อมูลอะไรบ้าง?
แบบฟอร์ม Disclosure Form มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงความโปร่งใส และป้องกันความขัดแย้ง
ทางผลประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้นจากธุรกรรมระหว่างบริษัทที่มีความสัมพันธ์กัน โดยข้อมูลในแบบฟอร์มจะครอบคลุม 3 ส่วนหลัก ๆ ดังนี้
1. รายชื่อบริษัทที่มีความสัมพันธ์กัน
- แสดงรายชื่อบริษัททั้งในประเทศไทยและต่างประเทศที่มีความสัมพันธ์กัน
- ระบุสถานะความสัมพันธ์ เช่น บริษัทแม่ บริษัทย่อย บริษัทในเครือ
- ระบุว่ามีรายการธุรกรรมระหว่างบริษัทที่มีความสัมพันธ์กันหรือไม่
2. มูลค่าธุรกรรมระหว่างกันในรอบระยะเวลาบัญชี
แสดงรายละเอียดและมูลค่าของธุรกรรมที่เกิดขึ้นระหว่างบริษัทที่มีความสัมพันธ์กัน เช่น
- รายได้จากการขายสินค้าหรือบริการ
- รายได้อื่นๆ
- ค่าใช้จ่ายในการซื้อวัตถุดิบหรือสินค้า
- การซื้อ-ขายที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์
- รายจ่ายอื่นๆ
- จำนวนเงินกู้ยืมและให้กู้ยืม ณ วันสิ้นรอบระยะเวลาบัญชี
3. ข้อมูลอื่นๆ (ถ้ามี)
ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมระหว่างบริษัทที่มีความสัมพันธ์กันที่อยู่นอกเหนือจากส่วนที่ 1 และ 2 เช่น
- การปรับปรุงโครงสร้างทางธุรกิจ
- การจำหน่าย จ่าย โอนทรัพย์สินไม่มีตัวตน
ช่องทางการยื่น Disclosure Form มีอะไรบ้าง?
1.การยื่น Disclosure Form ให้ยื่นผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตทางเว็บไซต์ (Website) ของกรมสรรพากร www.rd.go.th ได้โดยตรงหรือผ่านทางระบบบริการ Single Sign On ทางเว็บไซต์
(Website) ของกระทรวงการคลัง เนื่องจากเป็นการยื่นออนไลน์ ( E-FILING ) กรมสรรพากร ได้ขยายเวลาการยื่นเพิ่มอีก 8 วัน เป็นภายใน 158 วันนับแต่วันสิ้นรอบระยะเวลาบัญชี
2.หากมีเหตุจำเป็นที่ทำให้ไม่สามารถยื่น e-Fling ได้ ผู้ประกอบการสามารถพิมพ์ Disclosure Form จากระบบ เพื่อนำแบบรายงานที่เป็นกระดาษไปยื่น พร้อมกับทำหนังสือแจ้งต่ออธิบดีกรมสรรพากรถึงเหตุอันสมควรที่ไม่สามารถยื่น e-Filing ได้ โดยยื่น ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขา ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ ภายใน 150 วัน นับแต่วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี
หากไม่ยื่น Disclosure Form ตามกำหนดจะมีโทษอย่างไร
มาตรา 35 ตรี ตามประมวลรัษฎากร กำหนดโทษสำหรับนิติบุคคลที่ไม่ยื่นรายงานหรือเอกสาร
หรือหลักฐานตามแบบที่อธิบดีกำหนด หรือแสดงข้อมูลไม่ถูกต้องครบถ้วน โดยไม่มีเหตุอันสมควรหรือไม่ยื่นภายในกำหนดเวลา ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองแสนบาท”
อย่างไรก็ตาม กรมสรรพากร ได้กำหนดอัตราที่ควรเปรียบเทียบปรับไว้ สำหรับการยื่นรายงานเกินกำหนดเวลา สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นไป ดังนี้
- ไม่เกิน 7 วัน นับแต่วันพ้นกำหนดเวลา ปรับ 50,000 บาท
- เกิน 7 วัน นับแต่วันพ้นกำหนดเวลา ปรับ 100,000 บาท
- เจ้าหน้าที่ตรวจพบ ปรับ 200,000 บาท
บทสรุป Disclosure Form เอกสารสำคัญสำหรับธุรกิจ
การทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ ไม่ได้หมายความแค่การสร้างผลกำไรเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้องตามกฎหมายและโปร่งใส ซึ่ง Disclosure Form เปรียบเสมือนกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจของคุณบรรลุเป้าหมายนั้น ช่วยให้ธุรกรรมระหว่างบริษัทที่เกี่ยวข้องมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้และป้องกันความขัดแย้งทางผลประโยชน์ ที่อาจเกิดขึ้นจากธุรกรรมระหว่างบริษัทที่มีความสัมพันธ์กัน
ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Disclosure Form สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ของกรมสรรพากร
ข้อมูจาก: กรมสรรพากร, https://goldtraders.or.th/