ในชีวิตประจำวัน เราต่างต้องพบเจอกับ “ภาษี” ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ที่รวมอยู่ในราคาสินค้า และภาษีสรรพสามิตที่บวกเพิ่มในสินค้าบางประเภท หรือแม้แต่ภาษีเงินได้ที่ถูกหักไว้จากเงินเดือน
แล้วภาษีคืออะไรล่ะ? พูดง่ายๆก็คือ ภาษี คือ เงินที่ประชาชนจ่ายให้กับรัฐ เพื่อนำไปใช้พัฒนาประเทศ ทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐาน สาธารณูปโภค การศึกษา สาธารณสุข และอื่นๆ อีกมากมาย
ทีนี้ พอพูดถึง “ภาษีเงินได้” หลายคนอาจจะนึกถึงเอกสารมากมาย ที่ดูซับซ้อน เข้าใจยาก หนึ่งในนั้นก็คือ “แบบแสดงรายการภาษี” หรือที่เราเรียกกันสั้นๆ ว่า “แบบ ภ.ง.ด.” ซึ่งจริงๆ แล้ว แบบ ภ.ง.ด. มีอยู่หลายแบบ แยกตามลักษณะของรายได้และผู้ยื่นภาษี
หนึ่งในแบบแสดงรายการภาษีที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี คือ ภ.ง.ด.1 ซึ่งเป็นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ใช้สำหรับยื่นภาษีของ มนุษย์เงินเดือน หรือ พนักงานประจำในบริษัท ที่มีรายได้ประเภทเงินเดือน ค่าจ้าง
ดังนั้น ในบทความนี้ เราจะพาไปทำความรู้จักกับ ภ.ง.ด.1 อย่างละเอียดแบบง่าย ๆ
ภ.ง.ด.1 คืออะไร? ใช้ยื่นภาษีสำหรับใครบ้าง?
ภ.ง.ด. 1 หรือ “แบบแสดงรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย” เป็นเอกสารที่บริษัทหรือหน่วยงานจะต้องกรอกเพื่อรายงานการหักภาษีจากรายได้ของพนักงานหรือผู้มีรายได้ตามมาตรา 40 ซึ่งครอบคลุมทั้งเงินเดือน ค่าตอบแทนต่างๆ จากการทำงานประจำ เช่น โบนัส ค่าล่วงเวลา เบี้ยเลี้ยง
(ตามประเภทเงินได้ 40(1)) รวมไปถึงรายได้ของผู้ที่ไม่ได้เป็นพนักงานประจำ เช่น ค่าจ้างทั่วไป ค่าคอมมิชชั่น ค่าเบี้ยประชุม
(ตามประเภทเงินได้ 40(2)) โดยแสดงรายละเอียดภาษีที่ถูกหักไว้แล้ว ณ ที่จ่าย ให้แก่กรมสรรพากร
สรุปก็คือ แบบแสดงนี้ เป็นแบบยื่นแสดงรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย สำหรับกรณีผู้จ่ายเงินได้ที่เป็นบุคคลธรรมดา ห้างหุ้นส่วน บริษัท สมาคมหรือคณะบุคคล ที่จ่ายเงินได้ประเภทเงินเดือน ค่าจ้าง ค่านายหน้า เป็นต้น ให้แก่ผู้เสียภาษีเงินได้ที่เป็นบุคคลธรรมดา โดยผู้จ่ายเงินได้ซึ่งเป็นผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย ต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด.1 ภายใน 7 วันนับแต่วันสิ้นเดือนของเดือนที่จ่ายเงิน
ภ.ง.ด.1 มีไว้ทำอะไร? ยื่นเมื่อไหร่?
หลายคนอาจสงสัยว่า การยื่น ภ.ง.ด.1 นั้น มีไว้เพื่ออะไรกันแน่? จริงๆ แล้ว ภ.ง.ด.1 เป็นเสมือนการรายงานตัว และเคลียร์ภาษีกับกรมสรรพากรประจำปี เปรียบเหมือนการเช็คสุขภาพการเงินประจำปีของเรานั่นเอง
วัตถุประสงค์หลักของการยื่นแบบ ภ.ง.ด.1 ก็คือ เพื่อคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี โดยเราจะต้องนำรายได้ทั้งหมดที่ได้รับตลอดทั้งปีภาษี รวมถึงข้อมูลการหักลดหย่อนต่างๆ มาคำนวณ เพื่อดูว่าสุดท้ายแล้ว เราต้องจ่ายภาษีเพิ่ม หรือขอคืนภาษี
กำหนดการยื่นแบบ ภ.ง.ด.1 คือ ภายในวันที่ 31 มีนาคม ของทุกปี (ยกเว้นกรณียื่นแบบผ่านอินเทอร์เน็ต จะสามารถยื่นได้ถึงวันที่ 8 เมษายน) หากยื่นแบบหลังจากวันดังกล่าว จะถือว่ายื่นล่าช้า และอาจต้องเสียค่าปรับได้
ช่องทางการยื่นแบบ ภ.ง.ด. 1 มี 2 ช่องทางหลักๆ คือ
- ยื่นผ่านอินเทอร์เน็ต เป็นวิธีที่สะดวก รวดเร็ว และลดข้อผิดพลาด โดยสามารถยื่นได้ผ่านเว็บไซต์กรมสรรพากร (www.rd.go.th)
- ยื่นด้วยตนเอง สามารถยื่นได้ที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาที่ท่านสะดวก หรือ สาขาที่ท่านมีเงินได้ โดยสามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์ม ภ.ง.ด. 1 ได้จากเว็บไซต์กรมสรรพากรเช่นกัน
** อย่าลืม! การยื่นภาษีให้ถูกต้อง ตรงต่อเวลา เป็นหน้าของพลเมืองไทยทุกคน นอกจากนี้ การยื่นแบบ ภ.ง.ด. 1 ยังทำให้เรามีประวัติทางการเงินที่ดี ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการขอสินเชื่อต่างๆ ในอนาคตอีกด้วย **
เตรียมตัวยื่น ภ.ง.ด.1 ต้องมีเอกสารอะไรบ้าง?
ก่อนที่เราจะเริ่มกรอกแบบฟอร์ม ภ.ง.ด. 1 สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ “เอกสารประกอบการยื่นภาษี” ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญที่ใช้ยืนยันรายได้ และการหักลดหย่อนต่างๆ โดยเอกสารหลักๆ ที่เราต้องเตรียม มีดังนี้
1. เอกสารยืนยันตัวตน (บัตรประจำตัวประชาชน, สำเนาทะเบียนบ้าน(ถ้ามี))
2. เอกสารแสดงรายได้
- หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (แบบ 50 ทวิ) ออกให้โดยบริษัทหรือนายจ้าง โดยจะระบุรายละเอียดเงินเดือน ค่าจ้าง โบนัส และภาษีที่ถูกหักไว้แล้วตลอดทั้งปีภาษี
- เอกสารแสดงรายได้อื่นๆ (ถ้ามี) เช่น
- หนังสือรับรองดอกเบี้ยเงินฝาก (แบบ 50 ทวิ)
- หนังสือรับรองการจ่ายเงินปันผล (แบบ 50 ทวิ)
- เอกสารแสดงรายได้จากการขายทรัพย์สิน เป็นต้น
3. เอกสารประกอบการลดหย่อนภาษี
เอกสารส่วนนี้ จะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าเรามีสิทธิลดหย่อนอะไรบ้าง โดยสามารถแบ่งเป็นหมวดหมู่หลักๆ ได้ดังนี้
- ลดหย่อนส่วนตัวและครอบครัว
- สูติบัตรบุตร (กรณีใช้สิทธิลดหย่อนบุตร)
- ทะเบียนสมรส (กรณีใช้สิทธิลดหย่อนคู่สมรส)
- ใบรับรองแพทย์ (กรณีใช้สิทธิลดหย่อนบิดา มารดา ที่มีรายได้ไม่เกินเกณฑ์)
- ลดหย่อนจากการประกัน
- กรมธรรม์ประกันชีวิต
- กรมธรรม์ประกันสุขภาพ
- ใบรับรองเบี้ยประกัน
- ลดหย่อนจากกองทุนต่างๆ
- หนังสือรับรองการลงทุนในกองทุน RMF
- หนังสือรับรองการลงทุนในกองทุน SSF
- ใบแจ้งยอดเงินสะสมกองกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD)
- ลดหย่อนอื่นๆ เช่น
- ใบเสร็จรับเงินบริจาค
- หนังสือแสดงสิทธิในทรัพย์สิน (กรณีซื้อบ้านหรือคอนโด)
หากยื่นแบบ ภ.ง.ด.1 เกินกำหนดเวลา จะโดนโทษอะไรบ้าง?
ถ้าผู้จ่ายเงินซึ่งมีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย มิได้หักและนำส่ง หรือได้หักและนำเงินส่งแล้วแต่ไม่ครบจำนวนที่ถูกต้อง ผู้จ่ายเงินต้องรับผิดร่วมกับผู้มีเงินได้ในการเสียภาษีที่ต้องชำระตามจำนวนเงินภาษีที่มิได้หักและนำส่ง หรือตามจำนวนที่ขาดไป แล้วแต่กรณีในกรณีที่ผู้จ่ายเงินได้หักภาษีไว้แล้ว ให้ผู้มีเงินได้ซึ่งต้องเสียภาษีพ้นความรับผิดที่ต้องชำระเงินภาษีเท่าจำนวนที่ผู้จ่ายเงินได้หักไว้ และให้ผู้จ่ายเงินรับผิดชำระภาษีจำนวนนั้นแต่ฝ่ายเดียว (มาตรา 54 แห่งประมวลรัษฎากร)
ถ้าผู้จ่ายเงินซึ่งมีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย ไม่นำเงินภาษีส่งภายในกำหนดเวลาตามกำหนด. จะต้องรับผิดเสียเงินเพิ่มในอัตราร้อยละ 1.5 ต่อเดือนหรือเศษของเดือนของเงินภาษีที่ต้องนำส่ง ทั้งนี้ ให้คำนวณเงินเพิ่มเป็นรายเดือน (เศษของเดือน ให้นับเป็น 1 เดือน) นับแต่วันพ้นกำหนดเวลายื่นแบบฯ จนถึงวันยื่นแบบฯ และนำส่งภาษี (มาตรา 27 แห่งประมวลรัษฎากร)
ถ้าผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่ายไม่ยื่นแบบฯ ภายในกำหนดเวลาตามกำหนด เว้นแต่จะแสดงว่าได้มีเหตุสุดวิสัย ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท (มาตรา 35 แห่งประมวลรัษฎากร)
ผู้ใดโดยเจตนาไม่ยื่นรายการที่ต้องยื่น เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (มาตรา 37 ทวิแห่งประมวลรัษฎากร)
ข้อสรุป ภ.ง.ด.1 ไม่ยากอย่างที่คิด เตรียมตัวให้พร้อมยื่นให้ตรงเวลา
บทความนี้ได้พาทุกท่านไปทำความรู้จักกับแบบแสดงรายการภาษี ภ.ง.ด.1 ตั้งแต่ความหมาย ความสำคัญ เอกสารที่ต้องเตรียม รวมถึงบทลงโทษหากยื่นไม่ทันกำหนด เพื่อให้สามารถยื่นภาษีได้อย่างถูกต้อง มั่นใจ และไม่พลาดสิทธิประโยชน์ที่สำคัญ
แม้การยื่นภาษีจะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน แต่หากเราเตรียมตัวศึกษาข้อมูลให้ดี จัดเตรียมเอกสารให้พร้อม และยื่นแบบภายในเวลาที่กำหนด ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านทุกท่าน หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถแสดงความคิดเห็น หรือสอบถามเข้ามาที่ ชอบการบัญชี ได้เลยนะคะ
อ้างอิง : กรมสรรพากร